ข่าวอสังหาฯ
ธอส. จับมือ 15 เอกชน ช่วยคนไทยมีบ้าน ‘กู้ง่าย ได้เร็ว’
จากยอดการปฏิเสธสินเชื่อในปัจจุบันที่ยังสูงอย่างต่อเนื่อง จากความเข้มงวดของธนาคาร ทำให้ผู้มีรายได้น้อย ปานกลาง หรือไม่มีรายได้ประจำ มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองยากขึ้น แต่ก็ยังมีความหวังที่ปลายอุโมงค์ เพราะล่าสุด ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมกับ 15 สมาคม/ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เป็นพันธมิตรทางธุรกิจเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการทั่วประเทศ นำร่อง 15 จังหวัด กว่า 200 โครงการจัดสรรจากทั่วประเทศ มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบและมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้นคนจนน้ำตาตก ปฏิเสธสินเชื่อปี 60 พุ่ง ปัญหาใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 ยังคงเป็นเรื่องของธนาคารที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยแต่ละธนาคารมีข้อกำหนดคุณสมบัติผู้กู้ต่างกันทั้งในแง่ของอายุผู้กู้ รายได้ต่อเดือน และสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้นต่อเนื่องมาจากปี 2559 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย-ปานกลาง และกลุ่มคนที่ไม่มีรายได้ประจำ โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านระดับล่าง-กลาง ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ที่มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงถึงประมาณ 30-50% แตกต่างจากระดับบนที่ไม่ได้รับผลกระทบ15 เอกชน ทั่วประเทศ ร่วมใจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน”พันธมิตรที่มาเข้าร่วมกับ ธอส. ในการขับเคลื่อนพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ปัจจุบันมี 15 สมาคม/ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย 1.สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย 2.สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง 3.สมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น 4.สมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต 5.สมาคมอสังหาริมทรัพย์สงขลา 6.สมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี 7.สมาคมอสังหาริมทรัพย์นครราชสีมา 8.สมาคมอสังหาริมทรัพย์พิษณุโลก 9.สมาคมอสังหาริมทรัพย์นนทบุรี 10.สมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ 11.สมาคมอสังหาริมทรัพย์อุดรธานี 12.ผู้แทนจังหวัดสระบุรี 13.ผู้แทนจังหวัดมุกดาหาร 14.ผู้แทนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ 15.ผู้แทนจังหวัดสระบุรีลูกค้าได้ประโยชน์เต็ม ๆ กู้ง่าย สะดวกสาระสำคัญของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย 1.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยมาเข้าโครงการพิเศษของ ธอส. อาทิ โครงการประเภท Fast Track, Smart Fast Track, Regional Fast Track และ LTF ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการประเมินราคา เนื่องจากธนาคารกำหนดราคารับเป็นหลักประกันของที่อยู่อาศัยในโครงการล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อได้เช่นกัน 2.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งลูกค้าภายใต้โครงการประเภท Fast Track, Smart Fast Track, Regional Fast Track และ LTF ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงให้แก่ธนาคาร เพื่อพิจารณาสินเชื่อเบื้องต้น (Pre Approve) และยื่นกู้จริงไม่น้อยกว่า 70% ของจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมดในแต่ละโครงการ 3.ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ทำการ Pre Approve ก่อนที่โครงการจะตัดสินใจขายให้แก่ลูกค้า 4.ธนาคารจะจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้แก่ลูกค้าในโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยด้วยเงื่อนไขพิเศษตามที่ธนาคารกำหนด 5.ธนาคารจะอำนวยความสะดวกให้บริการลูกค้านอกสถานที่ ตามที่ธนาคารและสมาชิกของสมาคมได้ตกลงกัน ทั้งนี้ โครงการที่อยู่ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยฉบับนี้ ครอบคลุม 15 จังหวัด กว่า 200 โครงการ มีมูลค่าของโครงการรวมกันกว่า 30,000 ล้านบาท โดยในอนาคตเตรียมขยายความร่วมมือไปยังสมาคม/ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการกับ ธอส. ต่อไป โดยตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2560 ไว้ที่ 178,224 ล้านบาทอย่างไรก็ตาม จากมาตรการดังกล่าวของทาง ธอส. ประกอบกับภาคผู้ประกอบการในปัจจุบันที่หาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อของทางธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาสินเชื่อเบื้องต้น หรือการให้เช่าก่อนอยู่ 1-2 ปี โดยนำค่าเช่ามาเป็นเงินดาวน์ รวมทั้งรายจ่ายของผู้บริโภคเริ่มน้อยลงจากมาตรการรถยนต์คันแรกที่ครบกำหนด จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความสามารถทางด้านการผ่อนชำระมากขึ้นทั้งนี้ ประเทศไทยถือว่าเป็นเป็นประเทศที่กู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายกว่าหลาย ๆ ประเทศ เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา ที่ต้องวางเงินดาวน์ 20% ของมูลค่าประเมิน ฮ่องกง 40% เมืองใหญ่ ๆ ในประเทศจีน 30% แต่ถ้าเป็นหัวเมืองรอง อาทิ เสิ่นเจิ้น ต้องวางเงินดาวน์ 50% ส่วนของประเทศไทยทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ผู้กู้วางเงินดาวน์เพียง 5-10% หรือบางแห่งมีโปรโมชั่นฟรีดาวน์ด้วย ที่มา DDproperty.com.
ธอส. จับมือ 15 เอกชน ช่วยคนไทยมีบ้าน ‘กู้ง่าย ได้เร็ว’
จากยอดการปฏิเสธสินเชื่อในปัจจุบันที่ยังสูงอย่างต่อเนื่อง จากความเข้มงวดของธนาคาร ทำให้ผู้มีรายได้น้อย ปานกลาง หรือไม่มีรายได้ประจำ มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองยากขึ้น แต่ก็ยังมีความหวังที่ปลายอุโมงค์ เพราะล่าสุด ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมกับ 15 สมาคม/ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เป็นพันธมิตรทางธุรกิจเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการทั่วประเทศ นำร่อง 15 จังหวัด กว่า 200 โครงการจัดสรรจากทั่วประเทศ มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบและมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้นคนจนน้ำตาตก ปฏิเสธสินเชื่อปี 60 พุ่ง ปัญหาใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 ยังคงเป็นเรื่องของธนาคารที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยแต่ละธนาคารมีข้อกำหนดคุณสมบัติผู้กู้ต่างกันทั้งในแง่ของอายุผู้กู้ รายได้ต่อเดือน และสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้นต่อเนื่องมาจากปี 2559 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย-ปานกลาง และกลุ่มคนที่ไม่มีรายได้ประจำ โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านระดับล่าง-กลาง ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ที่มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงถึงประมาณ 30-50% แตกต่างจากระดับบนที่ไม่ได้รับผลกระทบ15 เอกชน ทั่วประเทศ ร่วมใจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน”พันธมิตรที่มาเข้าร่วมกับ ธอส. ในการขับเคลื่อนพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ปัจจุบันมี 15 สมาคม/ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย 1.สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย 2.สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง 3.สมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น 4.สมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต 5.สมาคมอสังหาริมทรัพย์สงขลา 6.สมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี 7.สมาคมอสังหาริมทรัพย์นครราชสีมา 8.สมาคมอสังหาริมทรัพย์พิษณุโลก 9.สมาคมอสังหาริมทรัพย์นนทบุรี 10.สมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ 11.สมาคมอสังหาริมทรัพย์อุดรธานี 12.ผู้แทนจังหวัดสระบุรี 13.ผู้แทนจังหวัดมุกดาหาร 14.ผู้แทนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ 15.ผู้แทนจังหวัดสระบุรีลูกค้าได้ประโยชน์เต็ม ๆ กู้ง่าย สะดวกสาระสำคัญของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย 1.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยมาเข้าโครงการพิเศษของ ธอส. อาทิ โครงการประเภท Fast Track, Smart Fast Track, Regional Fast Track และ LTF ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการประเมินราคา เนื่องจากธนาคารกำหนดราคารับเป็นหลักประกันของที่อยู่อาศัยในโครงการล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อได้เช่นกัน 2.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งลูกค้าภายใต้โครงการประเภท Fast Track, Smart Fast Track, Regional Fast Track และ LTF ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงให้แก่ธนาคาร เพื่อพิจารณาสินเชื่อเบื้องต้น (Pre Approve) และยื่นกู้จริงไม่น้อยกว่า 70% ของจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมดในแต่ละโครงการ 3.ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ทำการ Pre Approve ก่อนที่โครงการจะตัดสินใจขายให้แก่ลูกค้า 4.ธนาคารจะจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้แก่ลูกค้าในโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยด้วยเงื่อนไขพิเศษตามที่ธนาคารกำหนด 5.ธนาคารจะอำนวยความสะดวกให้บริการลูกค้านอกสถานที่ ตามที่ธนาคารและสมาชิกของสมาคมได้ตกลงกัน ทั้งนี้ โครงการที่อยู่ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยฉบับนี้ ครอบคลุม 15 จังหวัด กว่า 200 โครงการ มีมูลค่าของโครงการรวมกันกว่า 30,000 ล้านบาท โดยในอนาคตเตรียมขยายความร่วมมือไปยังสมาคม/ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการกับ ธอส. ต่อไป โดยตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2560 ไว้ที่ 178,224 ล้านบาทอย่างไรก็ตาม จากมาตรการดังกล่าวของทาง ธอส. ประกอบกับภาคผู้ประกอบการในปัจจุบันที่หาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อของทางธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาสินเชื่อเบื้องต้น หรือการให้เช่าก่อนอยู่ 1-2 ปี โดยนำค่าเช่ามาเป็นเงินดาวน์ รวมทั้งรายจ่ายของผู้บริโภคเริ่มน้อยลงจากมาตรการรถยนต์คันแรกที่ครบกำหนด จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความสามารถทางด้านการผ่อนชำระมากขึ้นทั้งนี้ ประเทศไทยถือว่าเป็นเป็นประเทศที่กู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายกว่าหลาย ๆ ประเทศ เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา ที่ต้องวางเงินดาวน์ 20% ของมูลค่าประเมิน ฮ่องกง 40% เมืองใหญ่ ๆ ในประเทศจีน 30% แต่ถ้าเป็นหัวเมืองรอง อาทิ เสิ่นเจิ้น ต้องวางเงินดาวน์ 50% ส่วนของประเทศไทยทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ผู้กู้วางเงินดาวน์เพียง 5-10% หรือบางแห่งมีโปรโมชั่นฟรีดาวน์ด้วย ที่มา DDproperty.com
ธอส.ขานรับนโยบายรัฐเตรียมวงเงินหมื่นล.ปล่อยกู้บ้านคนจน
ธอส.รับลูกรัฐบาลเตรียมวงเงินกว่าหมื่นล้านบาทปล่อยกู้โครงการบ้านผู้มีรายได้น้อย ราคา 2.5-3 แสนบาทต่อยูนิตอัตราดอกเบี้ยพิเศษไม่เกิน 3% พร้อมจับมือ 15 สมาคม/ชมรม อสังหาฯ ปล่อยกู้ดอกเบี้ยพิเศษ 200โครงการ มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.พร้อมปล่อยสินเชื่อให้แก่โครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อยตามแนวคิดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะออกมาในเร็วๆ นี้ สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย เบื้องต้นจะเป็นความร่วมมือของหน่วยงานรัฐได้แก่ กรมธนารักษ์ การเคหะแห่งชาติ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยกรมธนารักษ์จะเป็นผู้เลือกที่ดินแปลงที่มีศักยภาพที่มีอยู่ทั่วประเทศ ให้การเคหะแห่งชาติจะเป็นผู้พัฒนาบ้าน ระดับราคา 2.5-3 แสนบาทต่อหลัง เนื่องจากเป็นที่ดินเช่าระยะยาว 30 ปี โดย ธอส.จะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในอัตราพิเศษ ตามต้นทุนการเงินจริงของ ธอส. โดยจะไม่เกิน 3% ต่อปี ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยปกติของ ธอส.เฉลี่ย 3 ปีที่ 3.43% ต่อปี "ธอส. พร้อมปล่อยสินเชื่อตามนโยบายของรัฐบาล โดยขณะนี้รอทางกรมธนารักษ์ร่วมกับการเคหะฯออกแบบบ้านให้แล้วเสร็จ ส่วนจะเป็นบ้านประเภทใดนั้นยังไม่ทราบ" นายฉัตรชัยกล่าว รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) หรือ QH รัฐบาลควรนำที่ดินแปลงใหญ่ของกรมธนารักษ์ที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้ามาพัฒนาบ้านเพื่อผู้มีรายได้น้อย โดยหนึ่งใน แปลงที่มีศักยภาพคือ ย่านเทพารักษ์ จำนวน 1,400 ไร่ ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง- สมุทรปราการ) ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นเมืองให้ผู้มีรายได้น้อยเช่าอยู่ พร้อมกับจัดหาบัตรรถไฟฟ้าในราคาค่าโดยสารที่ไม่สูงเกินกำลังของผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากปัจจุบันคนกลุ่มดังกล่าวถูกผลักให้อยู่นอกเมืองและอาจจะเกิดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูงขึ้น เพราะระบบรถไฟฟ้ามีผู้ให้บริการหลายราย ธอส.จับมือ 15 สมาคม/ชม ปล่อยกู้ผู้ซื้อบ้าน นายฉัตรชัยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ธอส.ได้ร่วมกับ 15 สมาคม/ชมรมผู้ประกอบ การอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด จัดทำ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้านจากโครงการของสมาชิกทั้ง 15 สมาคม/ชมรมดังกล่าว จำนวน 200 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อที่ ธอส.จะปล่อยนั้นจะเป็นลักษณะผ่อนปรน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น รวมถึงการให้วงเงินกู้เพียงพอต่อการซื้อบ้าน แต่ยังคงอยู่ในกรอบของการพิจารณาสินเชื่อที่ไม่เกิดความเสี่ยง ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะต่ำกว่า อัตราดอกเบี้ยปกติของธนาคาร ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 3.4% ซึ่งธนาคารตั้งเป้าปล่อนสินเชื่อ 70% ของมูลค่าโครงการ 30,000 ล้านบาท เริ่มโครงการในวันที่ 1 ก.ค.นี้ สิทธิพิเศษที่ลูกค้าจะได้รับ แบ่งเป็น 5 มาตรการหลัก ได้แก่ 1.สมาชิก ของสมาคมจะจัดส่งโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยมาเข้าโครงการพิเศษของ ธอส.อาทิ โครงการประเภทฟาสต์แทร็กต์ สมาร์ท ฟาสต์แทรกต์ เป็นต้น ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการประเมินราคา เนื่องจากธนาคารกำหนดราคารับเป็นหลักประกันของที่อยู่อาศัยในโครงการล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อได้เช่นกัน 2.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งลูกค้าภายใต้โครงการประเภท ฟาสต์แทร็กต์ ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงให้แก่ธนาคารเพื่อพิจารณาสินเชื่อเบื้องต้น หรือ พรีแอฟพรูฟ และยื่นกู้จริงไม่น้อยกว่า 70% ของจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมดในแต่ละโครงการ 3.ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ทำการ พรีแอฟพรูฟ ก่อนที่โครงการจะตัดสินใจขายให้แก่ลูกค้า 4.ธนาคารจะจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ให้แก่ลูกค้าในโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยด้วยเงื่อนไขพิเศษตามที่ธนาคารกำหนด และ 5.ธนาคารจะอำนวยความสะดวกให้บริการลูกค้านอกสถานที่ ตามที่ธนาคารและสมาชิกของสมาคมได้ตกลงกัน "โครงการนี้มีความสำคัญในเรื่องของการพรี แอฟพรูฟ เพราะที่ผ่านมา การปฏิเสธสินเชื่อ มักมาจากการไม่ได้ตรวจสอบก่อน แต่จากนี้ธนาคารจะลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบเองเลย ซึ่งมั่นใจว่า หลังการตรวจผ่านแล้วจะซื้อบ้านได้จริงถึง 80-90% โดยโครงการดังกล่าว มองว่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยในช่วงครึ่งปีแรกธอส.ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 40% ของวงเงินกู้ทั้งหมด 178,224 ล้านบาท" ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
ธอส.ปล่อยกู้บ้านดอกเบี้ยพิเศษ แบบเปิดกว้างไม่จำกัดวงเงิน
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในเดือนสิงหาคม 2560 นี้ธนาคารเตรียมออกโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยพิเศษ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ให้กับประชาชนทั่วไป แบบไม่จำกัดวงเงินปล่อยกู้ต่อราย โดยจะพิจารณาบนพื้นฐานที่มาของรายได้ของผู้กู้เป็นหลัก และผลจากการคิดดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี แบบมีส่วนลด ในช่วง 3 ปีแรก ทำให้ค่าเฉลี่ยดอกเบี้ย 3 ปี น่าจะอยู่ที่ระดับไม่เกิน 3% สำหรับเป้าหมายการออกสินเชื่อครั้งนี้ ต้องการช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้มีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารได้ออกโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยมาหลายโครงการ เช่น ล่าสุดออกโครงการสินเชื่อบ้าน FOR HOME วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ ปีที่ 1-2 เท่ากับ 2.90% ปีที่ 3 ดอกเบี้ย 4.50% เฉลี่ยดอกเบี้ย 3 ปี อยู่ที่ 3.43% วงเงินให้กู้ต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 3 ล้านบาท เริ่มเปิดให้กู้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 คาดว่าจะปล่อยกู้หมดทั้งวงเงินภายในเดือนเดียว "เป้าหมายปล่อยกู้ครั้งนี้ ต้องการทำหน้าที่เป็นผู้กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ จึงเปิดให้คนที่ต้องการกู้ซื้อบ้านทำได้แบบ ไม่จำกัดวงเงิน ถ้ามีความพร้อม รวมถึงรายที่ถูกแบงก์พาณิชย์ปฏิเสธการปล่อยกู้ โดยธนาคารยังคงดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยลูกค้าในกลุ่มทั่วไปบ้าง เพราะ ธอส.ได้ช่วยกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมาหลายโครงการแล้ว"นายฉัตรชัย กล่าว ส่วนเป้าหมายปล่อยสินเชื่อปี 2560 นี้อยู่ที่ 1.78 แสนล้านบาท โครงการที่จะออกมาใหม่ เป็นโครงการดอกเบี้ยต่ำ มีวงเงิน 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการธนาคารเห็นชอบแล้ว คาดว่าจะเริ่มโครงการได้เดือนสิงหาคม 2560 ภาพรวมโครงการนี้อาจกระทบต่อรายได้ของธนาคาร เพราะเป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ แต่ธนาคารจะ ไม่เสนอขอกระทรวงการคลังให้ชดเชยให้ ซึ่งจะขอใช้วิธีการปรับลดเป้าหมายในการประเมิน (เคพีไอ) ของธนาคารลงบางตัว ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
ธอส. เปิด ปชช.โหลดแบบบ้านฟรี มาขอกู้สร้าง รับดอกเบี้ยพิเศษ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประกาศผลการตัดสิน 6 สุดยอดแบบบ้าน ที่ผ่านการคัดเลือกคว้ารางวัลทุนการศึกษามูลค่ารวม 1,100,000 บาท ตามโครงการประกวดแบบ “บ้านรักษ์โลก” พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจดาวน์โหลดพิมพ์เขียวแบบบ้านไปปลูกสร้างเองได้ฟรี!! หรือนำมายื่นกู้ปลูกสร้างกับ ธอส.รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายด้านที่อยู่อาศัยของภาครัฐ และดำเนินการตามพันธกิจ : ทำให้คนไทยมีบ้าน ซึ่งสินเชื่อเพื่อปลูกสร้างถือเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักที่ประชาชนทั่วไปต้องการมาใช้บริการกับธนาคาร และแบบแปลนการปลูกสร้างถือป็นส่วนหนึ่งของเอกสารสำคัญที่ใช้ประกอบการยื่นกู้ จึงเป็นที่มาของการจัดทำกิจกรรม CSR โครงการประกวดแบบ “บ้านรักษ์โลก” เพื่อค้นหาสุดยอดนิสิตนักศึกษาจากทั่วประเทศที่มุ่งเน้นผลงานการออกแบบบ้านภายใต้แนวคิด “ประหยัดเงิน ประหยัดพลังงาน ด้วยบ้านรักษ์โลก” โดยมีความคิดสร้างสรรค์ สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน และพฤติกรรมการ อยู่อาศัย รวมทั้งเหมาะสมสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และรองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต ด้วยการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ประหยัดพลังงานจากองค์กรพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับวัตถุประสงค์โครงการ อาทิ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด และบริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร อาคารลามิน่า เพื่อชิงทุนการศึกษามูลค่ารวม 1,100,000 บาท โดยกำหนดให้การออกแบบบ้านเป็นลักษณะบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ก่อสร้างไม่เกิน 40 ตารางวา และแบ่งวงเงินก่อสร้างออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.แบบบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท 2.แบบบ้านราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งธนาคารได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในด้านที่อยู่อาศัยจากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน สภาสถาปนิก และผู้แทนของธนาคาร ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินผลงานการประกวดของนักศึกษา ภายหลังจากธนาคารเปิดให้ผู้ที่สนใจส่งผลงานได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 พบว่ามีนิสิตนักศึกษาจากทั่วประเทศให้ความสนใจส่งแบบบ้านเข้าประกวดมากกว่า 60 ผลงาน ซึ่งคณะกรรมการตัดสินได้คัดเลือกผลงานที่ได้รับรางวันทุนการศึกษา ทั้ง 2 ประเภท ประกอบด้วย 1. รางวัลประเภทแบบบ้านราคาไม่เกิน 1,000,000.-บาทอันดับ 1 นายชานนท์ จาดตานิม ได้รับทุนการศึกษาจำนวน 300,000.-บาท (จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)อันดับ 2 นายวิชญะ วิภูษณวรรณ ได้รับทุนการศึกษาจำนวน 150,000.-บาท (จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)อันดับ 3 นายศักดิสรรพ์ ทองตัน ได้รับทุนการศึกษาจำนวน 100,000.-บาท (จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) 2. รางวัลประเภทแบบบ้านราคาไม่เกิน 2,000,000.-บาทอันดับ 1 นายพชร ดีเลิศทวีทรัพย์ ได้รับทุนการศึกษาจำนวน 300,000.-บาท (จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)อันดับ 2 นางสาวกุลจิรา อธิเศรษฐ์ ได้รับทุนการศึกษาจำนวน 150,000.-บาท (จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญญบุรี)อันดับ 3 นายพีรพล สุทธิมรรคผล ได้รับทุนการศึกษาจำนวน 100,000.-บาท (จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) การประกวดแบบ “บ้านรักษ์โลก” ถือเป็นส่วนหนึ่งของการโครงการที่ดำเนินงานตามนโยบายแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ซึ่ง ธอส. ให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 64 ปีที่ได้สานฝันทำให้คนไทยมีบ้านเป็นของตนเองมาแล้วกว่า3 ล้านครอบครัว ซึ่งหลังจากนี้ประชาชนสามารถยังดาวน์โหลดพิมพ์เขียวของสุดยอดแบบบ้านที่ได้รับรางวัลทั้ง 6 แบบ นำไปปลูกสร้างบ้านที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานได้ฟรี!!และสามารถนำมายื่นขอกู้ปลูกสร้างบ้านกับ ธอส. โดยจะได้รับสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษด้วยคลิ๊กเพื่อดาวน์โหลดแบบบ้านฟรีที่นี้ ขอบคุณที่มาของข่าว money.sanook.com
ความรู้อสังหาฯ
อสังหาน่ารู้...รู้แล้วจะหลงรัก
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกๆ ท่าน ในบทความนี้ผู้เขียนจะมาให้ความรู้ที่ยอดเยี่ยมและน่าสนใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับ”อสังหาริมทรัพย์”ด้วยการเขียน การอธิบายให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดายที่สุดครับและสนุก เพลิดเพลินไปพร้อมๆกันตามสไตล์ของผู้เขียนนะครับ ความจริงแล้ว “อสังหาริมทรัพย์”เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากๆเลยนะครับแต่บางท่านอาจจะยังไม่รู้เพราะยังไม่ได้ให้ความสำคัญหรือสนใจในด้านนี้มาก่อน ผู้เขียนจะพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจง่ายที่สุด เพราะท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะยังใหม่หรือเพิ่งเริ่มต้นศึกษาเกี่ยวกับด้านนี้นะครับ ผู้เขียนจะพาท่านผู้อ่านทุกๆท่านไปทำความรู้จักกับ”อสังหาริมทรัพย์”ให้เข้าใจกันอย่างกระจ่างแจ้งกันเลยครับ ไปกันเลยครับ อสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า (Real Estate)ได้แก่ที่ดินและทรัพย์ต่างๆที่ติดหรือตั้งอยู่บนที่ดินมีลักษณะถูกสร้างประกอบกันเป็นอันเดียว ถาวร ยกตัวอย่างเช่น บ้าน อาคารพาณิชย์ ตึก โรงแรม อพาร์ทเมนท์ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม โกดังเก็บสินค้า โรงงานและสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นมาบนที่ดิน ที่สำคัญคือ มีหลักฐานยืนยันสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ที่มีกฎหมายคอยคุ้มครองหรือเรียกง่ายๆว่า โฉนดที่ดินครับ ในบทต่อไปผู้เขียนจะอธิบายประเภทของอสังหาริมทรัพย์กันนะครับว่า มีกี่แบบ กี่ประเภท ผู้เขียนจะขอแบ่งเป็น 2 แบบ ดังนี้นะครับ1. อสังหาริมทรัพย์ ที่ใช้เพื่ออยู่อาศัยนั้นก็คือ บ้านหรือคอนโดมิเนียมของเรานั่นเอง ประกอบด้วยต้นไม้ สระ หนอง คลอง บึง ห้วยและสิ่งต่างๆที่อยู่ในพื้นที่ดินหรือบริเวณบ้านของเราที่ไม่สามารถเคลื่อนที่เองได้จัดว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด รวมถึงทรัพย์สิน ข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ โต๊ะตู้เตียงสิ่งต่างๆที่อยู่ภายในบ้านของเราที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เองก็จัดว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดเช่นเดียวครับ ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์ของเราจะสร้างขึ้นมาเองหรือซื้อมา ขอเพียงมีหลักฐานการยืนยันกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของโดยมีกฎหมายคุ้มครองหรือที่เรียกง่ายๆว่า “โฉนดที่ดิน” เท่านี้ก็ถือว่าเราคือเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ถือครองโดยสมบูรณ์แล้วครับ 2. อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เพื่อการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เพื่อการลงทุนนั้นมีอยู่มากมายหลายประเภทครับ แต่ผู้เขียนจะขอหยิบหยกมาอธิบายให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านให้ได้เข้าใจ เป็นเฉพาะประเภทหลักๆเท่านั้นนะครับ ท่านผู้อ่านทุกท่านจะได้ไม่งงและสับสนกัน เพราะว่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนนั้นค่อนข้างที่จะมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก เช่น ที่ดิน อาคารพาณิชย์ โรงแรม ศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์ โกดังหรือคลังเก็บสินค้า หรือโรงงาน ไม่ว่าจะซื้อเพื่อเก็งกำไรในอนาคตหรือปล่อยเช่า ก็จัดว่าอยู่ในหมวดของอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เพื่อการลงทุน ในมุมมองของผู้เขียน ผู้เขียนชอบและหลง ไหลในอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมากครับ เพราะผู้เขียนมองว่าในอนาคตข้างหน้าความต้องการในด้านอสังหาริมทรัพย์ บ้านที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆจะเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากและมีแนวโน้มของราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้เขียนคิดว่าถ้าเราเริ่มให้ความสนใจและเริ่มลงทุนในการลงทุนประเภทนี้ในอนาคตต้องสร้างผลตอบแทนให้เราได้อย่างน่าประทับใจและน่าพอใจอย่างแน่นอนครับ ในบทต่อไปผู้เขียนจะอธิบายลึกลงไปในลายละเอียดของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆกันครับ ท่านผู้อ่านทุกๆท่านเห็นไหมครับว่าอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ขอเพียงแค่ท่านเริ่มลงมือศึกษาก็สามารถเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็น ผู้เขียนเชื่อว่าท่านผู้อ่านหลายๆท่าน คงจะคันไม้คันมืออยากจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กันอย่างเต็มที่แล้วใช่ไหมครับ? ผู้เขียนอยากจะบอกกับท่านผู้อ่านทุกท่านว่า...ช้าก่อนครับ ที่ผู้เขียนบอกให้ท่านผู้อ่านทุกท่านช้าก่อนไม่ใช่ว่าผู้เขียนไม่อยากให้ทุกท่านลงทุนกันนะครับ แต่ผู้เขียนอยากให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านไปทำความรู้จักเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ กันให้เข้าใจลึกซึ้งกว่านี้ก่อนครับ ท่านจะได้รู้ว่าท่านชอบหรืออยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้านไหน ประเภทอะไร เพราะมีให้ท่านเลือกลงทุนกันอย่างมากมายกันเลย ถ้าท่านผู้อ่านทุกๆท่านพร้อมแล้ว เราไปทำความรู้จักให้เข้าใจกันอย่างลึกซึ้งกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆกันเลยครับ ไปกันเลยครับ ในหัวข้อนี้ผู้เขียนจะขออธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆอย่างละเอียด ซึ่งผู้เขียนขอแบ่งเป็น 6 ประเภทหลักๆดังนี้ครับ 1. ที่ดิน ในยุคสมัยที่มีปริมาณประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วที่ดินที่ใช้เพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยจึงเป็นสิ่งที่มีความต้องการสูงเป็นอย่างมากครับ ในมุมมองของผู้เขียน ผู้เขียนมองว่าที่ดินก็คือทองคำ ทองคำก็คือที่ดินครับ ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าราคาชองที่ดินนั้นจะมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้าความต้องการก็จะเพิ่มมากขึ้น สูงขึ้นเรื่อยและยิ่งเป็นที่ดินในเมืองราคาก็จะดีดตัวสูงขึ้นอย่างมากมายมหาศาลเลยครับประกอบกับการมีทำเลที่ดีด้วยแล้วราคาไม่ต้องพูดถึงเลย ส่วนท่านผู้อ่านท่านใดที่มีความสนใจอยากจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ผู้เขียนอยากแนะนำว่า สิ่งที่ท่านควรให้ความสำคัญที่สุดคือการคัดสรรแสวงหาที่ดินที่มีทำเลที่ดีครับ ท่านต้องศึกษาทำเลในพื้นที่ ที่ท่านสนใจให้ละเอียดรอบครอบ เพราะที่ดินที่จะสามารถทำกำไรหรือมูลค่าที่สูงขึ้นได้ในอนาคตนั้น จะต้องมีปัจจัยต่างๆ เช่น พื้นที่ตอนนี้ที่ราคายังไม่สูงมากและเรามองว่ามันสามารถรองรับการเติบโตของเมืองในอนาคตที่กำลังขยายออกมาเรื่อยๆได้เพราะเมื่อเมืองขยายออกมาเรื่อยๆพื้นที่ ที่ดินของเราอาจจะถูกเช่าหรือซื้อขาดเพื่อการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เช่น ตึกสำนักงาน อาคารพาณิชย์ อพาร์ทเมนท์ โรงงาน โกดังหรือคลังสินค้า เป็นต้นครับ การลงทุนในที่ดินเป็นการลงทุนในระยะยาว ฉะนั้นการเลือก การคัดสรรทำเล จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมากครับ ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดอยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ผู้เขียนแนะนำให้ท่านหาบุคคลที่ท่านมีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ในด้านนี้โดยเฉพาะเพื่อให้คำแนะนำให้ปรึกษาจะดีที่สุดครับ 2. ทาวน์เฮาส์ ก็เป็นอีกหนึ่งการลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีความน่าสนใจมากๆเช่นเดียวกัน เพราะในยุคที่มีการเจริญเติบโตของเมืองอย่างรวดเร็วอย่างในยุคปัจจุบันที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์คนเมืองได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ ทาวน์เฮาส์ครับ เพราะนอกจากจะมีความเป็นส่วนตัวมากๆแล้วยังมีสวนขนาดย่อมๆรอบๆบ้านของเราด้วยครับ พื้นที่ใช้สอยก็กว้างขวางสะดวกสบายครับ อุ่นใจ สบายใจ ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการอีกด้วยครับ ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือลงทุนก็น่าสนใจทั้งคู่เลยครับเพราะราคาของสินทรัพย์ของเรานั้นก็ยังมีราคาที่ดีอยู่เสมอถึงแม้ว่าจะผ่านไปหลายปี ซึ่งเป็นเพราะสิ่งที่เราซื้อมาคู่กันด้วยนั้นคือที่ดินครับ ซึ่งราคาของที่ดินจะไม่มีทางลดลงครับ มีแต่จะสูงขึ้น มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ ผู้เขียนก็จะขออธิบายอีกเช่นเคยครับว่า ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดที่มีความสนใจในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้านนี้ ควรจะศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ด้านนี้ให้ละเอียด รอบครอบเข้าใจอย่างลึกซึ้ง หาที่ปรึกษาที่ท่านมีประสบการณ์ความชำนาญในด้านนี้โดยเฉพาะคอยให้คำแนะนำปรึกษากับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะได้เกิดความมั่นใจในการลงทุนและสบายใจ ว่าจะได้ผลตอบแทนในอนาคตที่ดีอย่างแน่นอนครับ 3. อาคารพาณิชย์ ที่ใช้เพื่อทำการค้าหรือปล่อยเช่าต่างก็สร้างผลกำไรตอบแทนได้อย่างที่เรียกได้ว่ามากมายกันเลยทีเดียวเพราะนอกจากจะมีมูลค่าอยู่ในตัวเองแล้ว ยังทำกำไรจากการค้าได้อีกด้วย อาคารพาณิชย์หลายๆแห่งสร้างขึ้นมาเพื่อเปิดให้บริษัทการค้าต่างๆมาเช่าพื้นที่ก็สามารถทำเงินหรือสร้างผลตอบได้มากมายในแต่ละปีกันเลยทีเดียว อาคารสำนักงานบางแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ในเมืองที่เจริญก็จะมีบริษัทการค้าขนาดเล็กถึงขนาดกลางต่างๆมาเช่าพื้นที่เพื่อทำการค้าหรือเปิดเป็นออฟฟิศกันมากมายเลย เห็นไหมครับว่าอาคารพาณิชย์ก็เป็นอีกการลงทุนหนึ่งในด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีความน่าสนใจมากๆเลยนะครับ ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดสนใจอยากจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ผู้เขียนก็อยากแนะนำให้ท่านผู้อ่านทุกท่านศึกษาหาข้อมูลในการลงทุนให้ละเอียดรอบครอบที่สุดหรือหาที่ปรึกษาที่ท่านมีความรู้ ความชำนาญและประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงคอยให้คำแนะนำ ปรึกษากับท่านท่านผู้อ่านทุกๆท่านจะได้มีความมั่นใจในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้านนี้อย่างไม่มีความกังวลใจครับและมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างที่ต้องการอย่างแน่นอน 4. อพาร์ทเมนท์ ก็เป็นอีกการลงทุนหนึ่งด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้เขียนว่าน่าสนใจมากพอๆ กับอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆเลยครับ เพราะสร้างหรือลงทุนเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำรายการจากผู้เช่าได้ยาวนานาหลาย10ปีเลย เราสามารถมีรายได้ในทุกๆเดือนซึ่งถ้าเรามีการตลาดที่ดึงดูดน่าสนใจ มีความโดเด่น สวยงาม น่าอยู่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีการเดินทางและระบบขนส่งที่สะดวกสบาย อสังหาริมทรัพย์ของท่านก็จะมีผู้เช่ามากมายเลย ฉนั้นทำเลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆที่ท่านควรให้ความสำคัญในการเลือกสรรอย่างละเอียดรอบครอบที่สุด ผู้เขียนอยากจะขอแนะนำท่านผู้อ่านทุกๆท่านเช่นเคยว่า ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดที่มีความสนใจอยากจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ควรหาที่ปรึกษาที่ท่านมีประสบการณ์ความชำนาญในด้านนี้โดยเฉพาะคอยให้คำแนะนำปรึกษากับท่านจะดีที่สุด ท่านจะได้มั่นใจและมีความอุ่นใจ สบายใจ ในการลงทุนครับ 5. คอนโดมิเนียม เป็นอสังหาริมทรัพย์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมีเสน่ห์และน่าลงทุนเป็นอย่างมากครับ ตอบโจทย์คนเมืองได้เป็นอย่างดีเลยครับ เพราะมักจะตั้งอยู่ในทำเลพื้นที่ที่มีระบบขนส่งที่สะดวกสบาย ตั้งอยู่ใกล้แหล่งการค้าหรือศูนย์การค้าที่ทันสมัยสะดวกสบายครบครันและอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ที่มี Life Style ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมีความต้องการเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน เพราะว่าปัจจุบันกระแสความนิยมการซื้อคอนโดมิเนียมเป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือซื้อไว้เพื่อการลงทุนปล่อยเช่า ส่วนท่านผู้อ่านท่านใดที่มีความชอบและสนใจในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ผู้เขียนอยากแนะนำให้ทุกท่านศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ให้รอบครอบและเข้าใจอย่างละเอียดลึกซึ้งมากที่สุดครับและสิ่งที่ดีที่สุดคือท่านควรหาที่ปรึกษาที่ท่านมีความรู้ ความชำนาญและประสบการณ์ในอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอยให้คำปรึกษาแนะนำท่านจะดีที่สุดครับ ท่านจะได้ลงทุนได้แบบสบายใจไร้กังวลครับ 6. โรงงานและโกดังเก็บสินค้า ส่วนอสังหาริมทรัพย์ประเภทสุดท้ายที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ นั่นคืออสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงงานและโกดังสินค้า อสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ จะมีอยู่ 2 แบบ มีทั้งสร้างขึ้นมาเพื่อให้บริษัทหรือนักลงทุนมาเช่าพื้นที่เพื่อทำการผลิตสินค้าและอีกแบบหนึ่งคือบริษัทการค้าขนาดใหญ่ลงทุนสร้างขึ้นมาเองเพื่อผลิตสินค้าส่งไปจัดจำหน่ายเอง การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่ต้องการกำลังการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่สูงเพื่อให้มีเพียงพอต่อความต้องการของตลาดครับขนาดของโรงงานก็จะมีตั้งแต่ขนาดที่ใหญ่มากไปจนถึงขนาดกลางและขนาดเล็กครับและมีการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างหลากหลายกันเป็นอย่างมาก .
อสังหาน่ารู้...รู้แล้วจะหลงรัก
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกๆ ท่าน ในบทความนี้ผู้เขียนจะมาให้ความรู้ที่ยอดเยี่ยมและน่าสนใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับ”อสังหาริมทรัพย์”ด้วยการเขียน การอธิบายให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดายที่สุดครับและสนุก เพลิดเพลินไปพร้อมๆกันตามสไตล์ของผู้เขียนนะครับ ความจริงแล้ว “อสังหาริมทรัพย์”เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากๆเลยนะครับแต่บางท่านอาจจะยังไม่รู้เพราะยังไม่ได้ให้ความสำคัญหรือสนใจในด้านนี้มาก่อน ผู้เขียนจะพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจง่ายที่สุด เพราะท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะยังใหม่หรือเพิ่งเริ่มต้นศึกษาเกี่ยวกับด้านนี้นะครับ ผู้เขียนจะพาท่านผู้อ่านทุกๆท่านไปทำความรู้จักกับ”อสังหาริมทรัพย์”ให้เข้าใจกันอย่างกระจ่างแจ้งกันเลยครับ ไปกันเลยครับ อสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า (Real Estate)ได้แก่ที่ดินและทรัพย์ต่างๆที่ติดหรือตั้งอยู่บนที่ดินมีลักษณะถูกสร้างประกอบกันเป็นอันเดียว ถาวร ยกตัวอย่างเช่น บ้าน อาคารพาณิชย์ ตึก โรงแรม อพาร์ทเมนท์ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม โกดังเก็บสินค้า โรงงานและสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นมาบนที่ดิน ที่สำคัญคือ มีหลักฐานยืนยันสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ที่มีกฎหมายคอยคุ้มครองหรือเรียกง่ายๆว่า โฉนดที่ดินครับ ในบทต่อไปผู้เขียนจะอธิบายประเภทของอสังหาริมทรัพย์กันนะครับว่า มีกี่แบบ กี่ประเภท ผู้เขียนจะขอแบ่งเป็น 2 แบบ ดังนี้นะครับ1. อสังหาริมทรัพย์ ที่ใช้เพื่ออยู่อาศัยนั้นก็คือ บ้านหรือคอนโดมิเนียมของเรานั่นเอง ประกอบด้วยต้นไม้ สระ หนอง คลอง บึง ห้วยและสิ่งต่างๆที่อยู่ในพื้นที่ดินหรือบริเวณบ้านของเราที่ไม่สามารถเคลื่อนที่เองได้จัดว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด รวมถึงทรัพย์สิน ข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ โต๊ะตู้เตียงสิ่งต่างๆที่อยู่ภายในบ้านของเราที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เองก็จัดว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดเช่นเดียวครับ ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์ของเราจะสร้างขึ้นมาเองหรือซื้อมา ขอเพียงมีหลักฐานการยืนยันกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของโดยมีกฎหมายคุ้มครองหรือที่เรียกง่ายๆว่า “โฉนดที่ดิน” เท่านี้ก็ถือว่าเราคือเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ถือครองโดยสมบูรณ์แล้วครับ 2. อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เพื่อการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เพื่อการลงทุนนั้นมีอยู่มากมายหลายประเภทครับ แต่ผู้เขียนจะขอหยิบหยกมาอธิบายให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านให้ได้เข้าใจ เป็นเฉพาะประเภทหลักๆเท่านั้นนะครับ ท่านผู้อ่านทุกท่านจะได้ไม่งงและสับสนกัน เพราะว่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนนั้นค่อนข้างที่จะมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก เช่น ที่ดิน อาคารพาณิชย์ โรงแรม ศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์ โกดังหรือคลังเก็บสินค้า หรือโรงงาน ไม่ว่าจะซื้อเพื่อเก็งกำไรในอนาคตหรือปล่อยเช่า ก็จัดว่าอยู่ในหมวดของอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เพื่อการลงทุน ในมุมมองของผู้เขียน ผู้เขียนชอบและหลง ไหลในอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมากครับ เพราะผู้เขียนมองว่าในอนาคตข้างหน้าความต้องการในด้านอสังหาริมทรัพย์ บ้านที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆจะเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากและมีแนวโน้มของราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้เขียนคิดว่าถ้าเราเริ่มให้ความสนใจและเริ่มลงทุนในการลงทุนประเภทนี้ในอนาคตต้องสร้างผลตอบแทนให้เราได้อย่างน่าประทับใจและน่าพอใจอย่างแน่นอนครับ ในบทต่อไปผู้เขียนจะอธิบายลึกลงไปในลายละเอียดของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆกันครับ ท่านผู้อ่านทุกๆท่านเห็นไหมครับว่าอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ขอเพียงแค่ท่านเริ่มลงมือศึกษาก็สามารถเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็น ผู้เขียนเชื่อว่าท่านผู้อ่านหลายๆท่าน คงจะคันไม้คันมืออยากจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กันอย่างเต็มที่แล้วใช่ไหมครับ? ผู้เขียนอยากจะบอกกับท่านผู้อ่านทุกท่านว่า...ช้าก่อนครับ ที่ผู้เขียนบอกให้ท่านผู้อ่านทุกท่านช้าก่อนไม่ใช่ว่าผู้เขียนไม่อยากให้ทุกท่านลงทุนกันนะครับ แต่ผู้เขียนอยากให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านไปทำความรู้จักเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ กันให้เข้าใจลึกซึ้งกว่านี้ก่อนครับ ท่านจะได้รู้ว่าท่านชอบหรืออยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้านไหน ประเภทอะไร เพราะมีให้ท่านเลือกลงทุนกันอย่างมากมายกันเลย ถ้าท่านผู้อ่านทุกๆท่านพร้อมแล้ว เราไปทำความรู้จักให้เข้าใจกันอย่างลึกซึ้งกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆกันเลยครับ ไปกันเลยครับ ในหัวข้อนี้ผู้เขียนจะขออธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆอย่างละเอียด ซึ่งผู้เขียนขอแบ่งเป็น 6 ประเภทหลักๆดังนี้ครับ 1. ที่ดิน ในยุคสมัยที่มีปริมาณประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วที่ดินที่ใช้เพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยจึงเป็นสิ่งที่มีความต้องการสูงเป็นอย่างมากครับ ในมุมมองของผู้เขียน ผู้เขียนมองว่าที่ดินก็คือทองคำ ทองคำก็คือที่ดินครับ ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าราคาชองที่ดินนั้นจะมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้าความต้องการก็จะเพิ่มมากขึ้น สูงขึ้นเรื่อยและยิ่งเป็นที่ดินในเมืองราคาก็จะดีดตัวสูงขึ้นอย่างมากมายมหาศาลเลยครับประกอบกับการมีทำเลที่ดีด้วยแล้วราคาไม่ต้องพูดถึงเลย ส่วนท่านผู้อ่านท่านใดที่มีความสนใจอยากจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ผู้เขียนอยากแนะนำว่า สิ่งที่ท่านควรให้ความสำคัญที่สุดคือการคัดสรรแสวงหาที่ดินที่มีทำเลที่ดีครับ ท่านต้องศึกษาทำเลในพื้นที่ ที่ท่านสนใจให้ละเอียดรอบครอบ เพราะที่ดินที่จะสามารถทำกำไรหรือมูลค่าที่สูงขึ้นได้ในอนาคตนั้น จะต้องมีปัจจัยต่างๆ เช่น พื้นที่ตอนนี้ที่ราคายังไม่สูงมากและเรามองว่ามันสามารถรองรับการเติบโตของเมืองในอนาคตที่กำลังขยายออกมาเรื่อยๆได้เพราะเมื่อเมืองขยายออกมาเรื่อยๆพื้นที่ ที่ดินของเราอาจจะถูกเช่าหรือซื้อขาดเพื่อการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เช่น ตึกสำนักงาน อาคารพาณิชย์ อพาร์ทเมนท์ โรงงาน โกดังหรือคลังสินค้า เป็นต้นครับ การลงทุนในที่ดินเป็นการลงทุนในระยะยาว ฉะนั้นการเลือก การคัดสรรทำเล จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมากครับ ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดอยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ผู้เขียนแนะนำให้ท่านหาบุคคลที่ท่านมีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ในด้านนี้โดยเฉพาะเพื่อให้คำแนะนำให้ปรึกษาจะดีที่สุดครับ 2. ทาวน์เฮาส์ ก็เป็นอีกหนึ่งการลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีความน่าสนใจมากๆเช่นเดียวกัน เพราะในยุคที่มีการเจริญเติบโตของเมืองอย่างรวดเร็วอย่างในยุคปัจจุบันที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์คนเมืองได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ ทาวน์เฮาส์ครับ เพราะนอกจากจะมีความเป็นส่วนตัวมากๆแล้วยังมีสวนขนาดย่อมๆรอบๆบ้านของเราด้วยครับ พื้นที่ใช้สอยก็กว้างขวางสะดวกสบายครับ อุ่นใจ สบายใจ ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการอีกด้วยครับ ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือลงทุนก็น่าสนใจทั้งคู่เลยครับเพราะราคาของสินทรัพย์ของเรานั้นก็ยังมีราคาที่ดีอยู่เสมอถึงแม้ว่าจะผ่านไปหลายปี ซึ่งเป็นเพราะสิ่งที่เราซื้อมาคู่กันด้วยนั้นคือที่ดินครับ ซึ่งราคาของที่ดินจะไม่มีทางลดลงครับ มีแต่จะสูงขึ้น มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ ผู้เขียนก็จะขออธิบายอีกเช่นเคยครับว่า ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดที่มีความสนใจในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้านนี้ ควรจะศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ด้านนี้ให้ละเอียด รอบครอบเข้าใจอย่างลึกซึ้ง หาที่ปรึกษาที่ท่านมีประสบการณ์ความชำนาญในด้านนี้โดยเฉพาะคอยให้คำแนะนำปรึกษากับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะได้เกิดความมั่นใจในการลงทุนและสบายใจ ว่าจะได้ผลตอบแทนในอนาคตที่ดีอย่างแน่นอนครับ 3. อาคารพาณิชย์ ที่ใช้เพื่อทำการค้าหรือปล่อยเช่าต่างก็สร้างผลกำไรตอบแทนได้อย่างที่เรียกได้ว่ามากมายกันเลยทีเดียวเพราะนอกจากจะมีมูลค่าอยู่ในตัวเองแล้ว ยังทำกำไรจากการค้าได้อีกด้วย อาคารพาณิชย์หลายๆแห่งสร้างขึ้นมาเพื่อเปิดให้บริษัทการค้าต่างๆมาเช่าพื้นที่ก็สามารถทำเงินหรือสร้างผลตอบได้มากมายในแต่ละปีกันเลยทีเดียว อาคารสำนักงานบางแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ในเมืองที่เจริญก็จะมีบริษัทการค้าขนาดเล็กถึงขนาดกลางต่างๆมาเช่าพื้นที่เพื่อทำการค้าหรือเปิดเป็นออฟฟิศกันมากมายเลย เห็นไหมครับว่าอาคารพาณิชย์ก็เป็นอีกการลงทุนหนึ่งในด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีความน่าสนใจมากๆเลยนะครับ ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดสนใจอยากจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ผู้เขียนก็อยากแนะนำให้ท่านผู้อ่านทุกท่านศึกษาหาข้อมูลในการลงทุนให้ละเอียดรอบครอบที่สุดหรือหาที่ปรึกษาที่ท่านมีความรู้ ความชำนาญและประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงคอยให้คำแนะนำ ปรึกษากับท่านท่านผู้อ่านทุกๆท่านจะได้มีความมั่นใจในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้านนี้อย่างไม่มีความกังวลใจครับและมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างที่ต้องการอย่างแน่นอน 4. อพาร์ทเมนท์ ก็เป็นอีกการลงทุนหนึ่งด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้เขียนว่าน่าสนใจมากพอๆ กับอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆเลยครับ เพราะสร้างหรือลงทุนเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำรายการจากผู้เช่าได้ยาวนานาหลาย10ปีเลย เราสามารถมีรายได้ในทุกๆเดือนซึ่งถ้าเรามีการตลาดที่ดึงดูดน่าสนใจ มีความโดเด่น สวยงาม น่าอยู่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีการเดินทางและระบบขนส่งที่สะดวกสบาย อสังหาริมทรัพย์ของท่านก็จะมีผู้เช่ามากมายเลย ฉนั้นทำเลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆที่ท่านควรให้ความสำคัญในการเลือกสรรอย่างละเอียดรอบครอบที่สุด ผู้เขียนอยากจะขอแนะนำท่านผู้อ่านทุกๆท่านเช่นเคยว่า ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดที่มีความสนใจอยากจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ควรหาที่ปรึกษาที่ท่านมีประสบการณ์ความชำนาญในด้านนี้โดยเฉพาะคอยให้คำแนะนำปรึกษากับท่านจะดีที่สุด ท่านจะได้มั่นใจและมีความอุ่นใจ สบายใจ ในการลงทุนครับ 5. คอนโดมิเนียม เป็นอสังหาริมทรัพย์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมีเสน่ห์และน่าลงทุนเป็นอย่างมากครับ ตอบโจทย์คนเมืองได้เป็นอย่างดีเลยครับ เพราะมักจะตั้งอยู่ในทำเลพื้นที่ที่มีระบบขนส่งที่สะดวกสบาย ตั้งอยู่ใกล้แหล่งการค้าหรือศูนย์การค้าที่ทันสมัยสะดวกสบายครบครันและอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ที่มี Life Style ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมีความต้องการเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน เพราะว่าปัจจุบันกระแสความนิยมการซื้อคอนโดมิเนียมเป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือซื้อไว้เพื่อการลงทุนปล่อยเช่า ส่วนท่านผู้อ่านท่านใดที่มีความชอบและสนใจในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ผู้เขียนอยากแนะนำให้ทุกท่านศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ให้รอบครอบและเข้าใจอย่างละเอียดลึกซึ้งมากที่สุดครับและสิ่งที่ดีที่สุดคือท่านควรหาที่ปรึกษาที่ท่านมีความรู้ ความชำนาญและประสบการณ์ในอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอยให้คำปรึกษาแนะนำท่านจะดีที่สุดครับ ท่านจะได้ลงทุนได้แบบสบายใจไร้กังวลครับ 6. โรงงานและโกดังเก็บสินค้า ส่วนอสังหาริมทรัพย์ประเภทสุดท้ายที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ นั่นคืออสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงงานและโกดังสินค้า อสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ จะมีอยู่ 2 แบบ มีทั้งสร้างขึ้นมาเพื่อให้บริษัทหรือนักลงทุนมาเช่าพื้นที่เพื่อทำการผลิตสินค้าและอีกแบบหนึ่งคือบริษัทการค้าขนาดใหญ่ลงทุนสร้างขึ้นมาเองเพื่อผลิตสินค้าส่งไปจัดจำหน่ายเอง การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่ต้องการกำลังการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่สูงเพื่อให้มีเพียงพอต่อความต้องการของตลาดครับขนาดของโรงงานก็จะมีตั้งแต่ขนาดที่ใหญ่มากไปจนถึงขนาดกลางและขนาดเล็กครับและมีการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างหลากหลายกันเป็นอย่างมาก
การรีไฟแนนซ์บ้านดีจริงไหม?
หลังจากสำเร็จการศึกษา มีงานประจำทำและเริ่มมองหาความมั่นคงให้กับชีวิตโดยตั้งใจว่าจะซื้อบ้านสักหลัง แน่นอนว่าน้อยคนนักจะสามารถซื้อบ้านหลังแรกได้ด้วยเงินสด ดังนั้นจึงส่วนใหญ่ต้องทำการขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านกับธนาคารซึ่งเป็นเงินก้อนโตที่มาพร้อมกับดอกเบี้ยซึ่งเมื่อคิดคำนวณแล้วก็เป็นเงินหลายบาททีเดียว แม้โชคดีที่ธนาคารส่วนใหญ่มีโปรโมชั่นลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้การผ่อนชำระใน 3 ปีแรกไม่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านสูงนักแต่เมื่อพ้น 3 ปีไปแล้วการผ่อนบ้านแบบจ่ายโหดก็เริ่มขึ้น หลายคนเลือกที่จะรีไฟแนนซ์ซึ่งก็มีคำถามว่าการรีไฟแนนซ์ดีจริงไหม? ดีอย่างไร? หรือไม่รีไฟแนนซ์ได้ไหม?ภาพจาก Freepik.com ไม่รีไฟแนนซ์ได้ไหม? ต้องบอกว่าไม่รีไฟแนนซ์ก็ได้โดยเราสามารถทำเรื่องขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยกับสถาบันการเงินเดิมที่เราทำเรื่องกู้บ้านได้ แต่การทำเรื่องนั้นก็ต้องเตรียมเอกสารคล้ายกับการขอกู้ใหม่และบางครั้งส่วนต่างเมื่อหักลบค่าใช้จ่ายแล้วแทบไม่ได้อะไร แตกต่างกับการรีไฟแนนซ์ที่หากคุณเจอช่วงที่ธนาคารจัดแคมเปญลดอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์คุณอาจสามารถลดค่าผ่อนบ้านที่ต้องเสียได้เป็นแสนเลยทีเดียว ถามว่าไม่รีไฟแนนซ์ได้ไหม? ได้แน่นอน แต่ว่าถ้ามันดีกว่าทำไมคุณไม่เลือกสิ่งที่ดีกว่าล่ะภาพจาก Freepik.com การรีไฟแนนซ์บ้านดีจริงไหม? ดีอย่างไร? ทุกสิ่งมีสองด้านการรีไฟแนนซ์ก็เช่นกันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งเป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องชั่งน้ำหนักว่าสามารถรับข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นเหล่านั้นได้ไหมเพราะการรีไฟแนนซ์นั้นจะทำให้คุณได้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำลง ยอดเงินที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนที่ถูกลง แต่ก็อาจต้องแลกมาด้วยระยะเวลาการผ่อนชำระที่นานขึ้นและต้องเสียค่าธรรมเนียมในการจัดไฟแนนซ์และค่าธรรมเนียมที่ต้องเสียให้กับกรมที่ดินในการถ่ายโอนซึ่งสูงขึ้นตามมูลค่าของวงเงินที่ได้รับอนุมัติมา นอกเสียจากบางธนาคารจะจัดโปรโมชั่นทำให้ไม่มีค่าธรรมเนียมในการรีไฟแนนซ์และค่าธรรมเนียมในการประเมินบ้าน เป็นหน้าที่ของคุณอีกนั่นแหละที่ต้องค้นหาข้อมูลและเปรียบเทียบให้ดีก่อนเลือกธนาคารที่จะขอยื่นรีไฟแนนซ์ด้วยภาพจาก Freepik.com นอกจากจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทำให้เราสามารถส่งเงินผ่อนชำระในอัตราที่น้อยลงในแต่ละเดือน ช่วยเสริมสภาพคล่องให้ผู้กู้ในกรณีมีภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ภาระเบาบางลง นอกจากนี้ในขั้นตอนการประเมินบ้านหากบ้านของคุณมีราคาสูงขึ้นจากราคา ณ วันที่กู้ซื้อบ้านครั้งแรกทำให้คุณมีโอกาสที่จะได้วงเงินอนุมัติมากกว่ายอดหนี้ตามสัญญาเงินกู้เดิมและได้รับส่วนต่างจากการรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อนำไปใช้จ่ายตามต้องการซึ่งดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสำหรับการขอรีไฟแนนซ์นั้นถูกกว่าดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลแน่นอน บอกเลยงานนี้มีแต่ได้
ขั้นตอนการทำรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน
หลายคนเมื่อได้ยินคำว่า” รีไฟแนนซ์” อาจคิดถึงยอดหนี้ที่มากขึ้น ระยะเวลาการผ่อนที่ยาวนานขึ้นทำให้หลายคนไม่กล้ารีไฟแนนซ์ แต่ไม่เสมอไปเพราะนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และพวกเราหลายคนที่ทำเรื่องกู้ซื้อบ้านต่างเลือกการรีไฟแนนซ์เพื่อมาช่วยแบ่งเบาลดภาระดอกเบี้ยและค่าผ่อนชำระให้ลดลง ซึ่งหากคุณโชคดีก็สามารถประหยัดเงินได้เป็นแสน ลองคิดดูเงินเป็นแสนทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ถ้าหากคิดคำนวณแล้วรีไฟแนนซ์ดีกว่าคุณจะไม่ทำเหรอ? หากคุณกำลังผ่อนบ้านเข้าปีที่ 4 ซึ่งอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นแล้วล่ะก็ลองทำตามเสต็ปนี้ดูเพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น 1. เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ลองนำอัตราดอกเบี้ยหรือโปรโมชั่นของบริการรีไฟแนนซ์ของแต่ละธนาคารมาคิดคำนวณค่าผ่อนชำระรายเดือนเพื่อเปรียบเทียบกับค่าผ่อนชำระเก่าแล้วเลือกธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยน้อยที่สุด มีค่าผ่อนชำระน้อยที่สุดหรือข้อเสนออื่น ๆ ดีที่สุดขึ้นมาภาพจาก Freepik.com 2. ขอรายการสรุปยอดหนี้จากธนาคารเดิม เมื่อตัดสินใจเลือกธนาคารที่ต้องการรีไฟแนนซ์ได้แล้วก็ให้ทำการขอรายการเดินบัญชีและสรุปยอดหนี้เก่าจากธนาคารเดิมที่เคยทำเรื่องกู้ไว้เพื่อเตรียมไว้แนบประกอบกับเอกสารขอรีไฟแนนซ์ 3. เตรียมเอกสารสำหรับขอรีไฟแนนซ์ เอกสารสำหรับขอรีไฟแนนซ์นั้นก็เหมือนกับเอกสารขอสินเชื่อที่เคยเตรียมตอนขอกู้บ้านมาแล้วนั่นเองซึ่งได้แก่ เอกสารยืนยันตัวตน เอกสารยืนยันรายได้ รายการเดินบัญชีธนาคารและเอกสารสำคัญเกี่ยวกับบ้านที่เราต้องการนำมาขอรีไฟแนนซ์ในครั้งนี้ภาพจาก Freepik.com 4. รอผล หลังจากธนาคารได้รับเอกสารแล้วก็จะนำไปสู่ขั้นตอนการประเมินบ้านที่เรานำมาขอรีไฟแนนซ์ซึ่งตรงส่วนนี้จะมีค่าธรรมเนียมในการประเมินบ้านด้วยประมาณ 2,000-4,000 บาทแต่หากขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมก็อาจจะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการประเมินก็ได้แล้วแต่นโยบายของแต่ละธนาคาร หลังจากผ่านการอนุมัติแล้วธนาคารก็จะแจ้งวงเงินที่อนุมัติซึ่งอยู่ที่ 95%-100% และบางครั้งก็มีส่วนเกินยอดหนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นธนาคารจะทำเช็คแยกมา 2 ใบให้กับเจ้าของสัญญาเงินกู้เก่าและอีกใบที่เป็นยอดส่วนต่างมามอบให้กับคุณในวันจดจำนองและทำสัญญาใหม่ 5. ติดต่อธนาคารเดิม เมื่อธนาคารใหม่อนุมัติแล้วให้ติดต่อธนาคารเดิมเพื่อขอใบสรุปยอด ณ.วันนั้นอีกครั้งและทำเรื่องนัดวันไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน โดยธนาคารเดิมจะส่งยอดสรุปเดิมและแจ้งชื่อผู้รับมอบอำนาจของทางธนาคารไปทำนิติกรรมที่สำนักงานที่ดินแก่คุณภาพจาก Freepik.com 6. ติดต่อธนาคารใหม่ ถัดมาเป็นการนัดหมายวันทำสัญญาและโอนทรัพย์ที่ใช้จำนองกับธนาคารใหม่ที่อนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์ให้กับเราโดยต้องนัดเป็นวันเดียวกับวันที่นัดธนาคารเดิมเอาไว้ 7. ทำเรื่องโอน ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการทำเรื่องโอน ณ. สำนักงานที่ดินในเขตที่บ้านของเราตั้งอยู่ ควรเตรียมค่าธรรมเนียมในการถ่ายโอนมาให้เรียบร้อยโดยสามารถตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ธนาคารใหม่ได้ เพื่อให้การดำเนินการในขั้นตอนนี้มีความรวดเร็ว เมื่อเราทำการถ่ายโอน ทำสัญญาเสร็จและมอบโฉนดให้กับธนาคารใหม่แล้วก็เป็นอันเรียบร้อย การทำรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยให้คุณผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงและมีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ลดลงถ้าคิดคำนวณแล้วคุ้มกว่าก็จัดเลยรออะไร
ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างสำหรับยื่นกับธนาคารในการรีไฟแนนซ์บ้าน?
เมื่อผ่านกระบวนการในการเฟ้นหาบ้านที่ถูกใจ จนทำเรื่องกู้กับธนาคารเพื่อซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้รับการอนุมัติผ่าน เชื่อว่าทุกคนคงรู้สึกโล่งใจเหลือเพียงผ่อนชำระบ้านตามจำนวนเงินและจำนวนปีที่ธนาคารกำหนดเท่านั้น บ้านหลังนี้ก็จะเป็นของคุณในที่สุด แต่เมื่อผ่านช่วง 2-3 ปีแรกของการผ่อนบ้านไปดอกเบี้ยก็จะปรับตัวสูงขึ้นแล้วแต่นโยบายของแต่ละธนาคาร หลายคนจึงเลือกที่จะทำการรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องเสียให้น้อยลงและลดภาระยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือนให้น้อยลง จะได้หายใจหายคอได้คล่องขึ้นในยุคข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ส่วนเอกสารที่จะต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์ก็คล้ายกับเอกสารที่ใช้ในการขอสินเชื่อบ้านดังนี้ภาพจาก Freepik.com 1. เอกสารยืนยันตัวตน เอกสารยืนยันตัวตนของผู้กู้และผู้กู้ร่วม บัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบทะเบียนสมรส/ใบหย่า/ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรส (ถ้ามี) ใบมรณบัตรและทะเบียนสมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต) ภาพจาก Freepik.com 2. เอกสารแสดงรายได้ เอกสารยืนยันว่าผู้กู้มีความสามารถที่จะชำระเงินที่กู้ได้สำหรับบุคคลที่ทำงานประจำและเป็นเจ้าของกิจการ สำหรับบุคคลธรรมดาให้เตรียมสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือนหัวจดหมายบริษัทที่ออกโดยฝ่ายบุคคลและมีลายเซ็นต์ผู้มีอำนาจลงนามพร้อมตราประทับ สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่ายประจำเดือน/ปี (50 ทวิ) หากเป็นบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวให้เตรียมหนังสือรับรองการจดทะเบียน/ใบทะเบียนการค้า สำเนาบัญขีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่ผู้กู้และผู้กู้ร่วม สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือนทั้งของผู้กู้และของกิจการ สำเนาภ.พ. 30 (ถ้ามี) 3.เอกสารหลักประกัน เอกสารเกี่ยวกับบ้านที่ต้องการจะทำการขอรีไฟแนนซ์ สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดินหรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (ขนาดเท่าตัวจริงทุกหน้า) ใบอนุญาตปลูกสร้าง/ หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่น สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน (ทด.13) หรือหสังสือสัญญาให้ที่ดิน (ทด.14) แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป สำเนาสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงินเดิม สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน สำเนาใบเสร็จเงินกู้เดือนล่าสุดภาพจาก Freepik.com 4. ค่าธรรมเนียม ในการรีไฟแนนซ์จะมีค่าธรรมเนียมดังนี้ ค่าธรรมเนียมในการสำรวจและประเมินหลักทรัพย์ ค่าอากรแสตมป์ เบี้ยประกันอัคคีภัย (แล้วแต่นโยบายของแต่ละธนาคาร) ค่าเบี้ยปรับกรณีปิดภาระหนี้ก่อนกำหนด (ภายใน 3 ปีแรกนับจากวันทำสัญญาเนื่องจากการรีไฟแนนซ์) ในกรณีที่ธนาคารอนุมัติต้องมีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการและการจดจำนองที่กรมที่ดินซึ่งขึ้นอยู่กับวงเงินที่ทางธนาคารอนุมัติให้ด้วยเอกสารที่ต้องเตรียมคล้ายกับเอกสารที่ใช้ยื่นในการกู้บ้านซึ่งหากคุณเคยกู้บ้านผ่านและยังคงมีรายได้ประจำอยู่การขอรีไฟแนนซ์นั้นก็น่าจะผ่านการอนุมัติได้อย่างง่ายดาย
เคล็ดลับการเงิน
สูญเสียไปเท่าไหร่แล้วกับการ “เดท”
การเดทเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ใช้เงินเยอะทีเดียวสำหรับหนุ่ม ๆ บางคน การพยายามเอาชนะใจสาวสักคนด้วยการพาเธอไปกินข้าวดูหนัง การหาข้ออ้างพาเธอไปที่นั่น ที่นี่เพื่อที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่คุณหมายปอง และใช้โอกาสนี้ในการคว้าใจเธอมาครอบครองให้ได้ เสียเงินสักเท่าไหร่ก็ยอม เรามาลองคำนวณกันดูเล่น ๆ ตรงนี้ดีกว่าว่าหนึ่งปีเราเสียเงินไปกับการเดทเท่าไหร่บ้างภาพจาก Freepik.comค่าอาหาร ค่าอาหารสำหรับการเดทแต่ละครั้งนั้นขึ้นอยู่กับร้านที่ไปด้วยแต่หากต้องการสร้างความประทับใจแน่นอนว่าต้องแพง สำหรับค่าอาหารโดยเฉลี่ยที่ใช้ในการเดทไม่ต่ำกว่า 300 บาทสำหรับคู่รักมัธยม ไม่ต่ำกว่า 500 สำหรับคู่รักมหาลัยและ ไม่ต่ำกว่า 800 สำหรับคู่รักที่สูงวัยกว่านั้น (ประมาณการคร่าว ๆ นะ) ทีนี้เรามาดูความถี่กันบ้าง คู่รักมัธยมเดทกันอาทิตย์ละ 3 ครั้งเป็น เงิน 900 บาท เดือนละไม่ต่ำกว่า 3,600 บาท (เบ ๆ มาก) ถัดมาเป็นคู่รักมหาลัยเดทกันอาทิตย์ละ 3 ครั้งเป็นเงิน 1,500 บาทเดือนละไม่ต่ำกว่า 6,000 บาท (เริ่มเยอะแฮะ) และคู่รักวัยทำงานเดทกันอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เป็นเงิน 2,400 บาท เดือนละไม่ต่ำกว่า 7,200 บาท ภาพจาก Freepik.com ค่าตั๋วหนัง ค่าตั๋วหนังแต่ละโรงก็มีราคาที่แตกต่างกันไปโดยทั่วไปแล้วอยู่ที่ 120-180 บาท ถ้าหากเป็นที่นั่งพิเศษก็อาจเพิ่มขึ้นอีก 20 - 40 บาท สมมุติให้คู่รักทุกวัยดูเฉลี่ยอาทิตย์ละครั้งหรือเดือนละ 4 ครั้งนั่นเอง สำหรับคู่รักวัยเรียนอาจได้ราคาพิเศษดูเรื่องละ 100 บาทดังนั้นเท่ากับเดือนละ 400 บาทต่อคน และคู่รักวัยทำงานอยู่ที่เรื่องละ 150 บาทเดือนละ 600 บาท ของขวัญในโอกาสพิเศษ สำหรับคู่รักวัยเรียนนั้นนอกจากวันวาเลนไทน์และวันเกิดของทั้งสองคนที่ต้องซื้อของขวัญให้กันแล้วยังมีวันครบรอบ 1 เดือน 100 วัน 6 เดือน 1 ปีแล้วแต่คู่ว่าจะครบรอบกันถี่ขนาดไหน สำหรับคู่รักวัยทำงานนั้นไม่ค่อยซีเรียสเรื่องวันครบรอบสักเท่าไหร่ (เอ๊ะ หรือซีเรียส) แต่หากลืมวันเกิดหรือพลาดของขวัญวาเลนไทน์เตรียมหาข้อแก้ตัวดี ๆ ไว้ได้เลย โดยงบของขวัญของวัยเรียนนั้นปีหนึ่งไม่เกิน 2,000 บาทและวัยทำงานอยู่ที่ 5,000-20,000 บาทต่อปีจ้าภาพจาก Freepik.com ถ้าเป็นยุคก่อน 3G เข้าถึงประเทศไทยนี่ต้องมีค่าโทรศัพท์ที่ใช้โทรหากันด้วยนะ บางคนหมดเดือนหนึ่งหลายพันทีเดียวสำหรับค่าโทรศัพท์ที่ใช้โทรหาคุณแฟน โชคดีสมัยนี้มีแพคเกจเหมาจ่ายเดือนไม่กี่ร้อยที่ใคร ๆ ก็ต้องใช้แม้แต่คนโสด เอาล่ะไหนลองสรุปรวมยอด 1 ปีกันหน่อยว่าแต่ละวัยน่าจะหมดไปกับการเดทเท่าไหร่ คู่รักวัยมัธยมอยู่ที่ ((3,600+400)x12) + 2,000 = 50,000 บาท คู่รักวัยมหาวิทยาลัยอยู่ที่ ((6,000+400)x12) + 2,000 = 78,800 บาท คู่รักวัยทำงานอยู่ที่ ((7,200+600)x12) +5000, +20,000 = 98,600 บาท ถึง 100,100 บาท ทำไมกดเครื่องคิดเลขแล้วแอบเป็นยอดรวมที่น่าตกใจเหมือนกันนะ หรือว่ากดเครื่องคิดเลขผิดกั มีใครที่หมดไปกับการเดทมากหรือน้อยกว่านี้มั้ย มาแชร์กันหน่อยสิ .
สูญเสียไปเท่าไหร่แล้วกับการ “เดท”
การเดทเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ใช้เงินเยอะทีเดียวสำหรับหนุ่ม ๆ บางคน การพยายามเอาชนะใจสาวสักคนด้วยการพาเธอไปกินข้าวดูหนัง การหาข้ออ้างพาเธอไปที่นั่น ที่นี่เพื่อที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่คุณหมายปอง และใช้โอกาสนี้ในการคว้าใจเธอมาครอบครองให้ได้ เสียเงินสักเท่าไหร่ก็ยอม เรามาลองคำนวณกันดูเล่น ๆ ตรงนี้ดีกว่าว่าหนึ่งปีเราเสียเงินไปกับการเดทเท่าไหร่บ้างภาพจาก Freepik.comค่าอาหาร ค่าอาหารสำหรับการเดทแต่ละครั้งนั้นขึ้นอยู่กับร้านที่ไปด้วยแต่หากต้องการสร้างความประทับใจแน่นอนว่าต้องแพง สำหรับค่าอาหารโดยเฉลี่ยที่ใช้ในการเดทไม่ต่ำกว่า 300 บาทสำหรับคู่รักมัธยม ไม่ต่ำกว่า 500 สำหรับคู่รักมหาลัยและ ไม่ต่ำกว่า 800 สำหรับคู่รักที่สูงวัยกว่านั้น (ประมาณการคร่าว ๆ นะ) ทีนี้เรามาดูความถี่กันบ้าง คู่รักมัธยมเดทกันอาทิตย์ละ 3 ครั้งเป็น เงิน 900 บาท เดือนละไม่ต่ำกว่า 3,600 บาท (เบ ๆ มาก) ถัดมาเป็นคู่รักมหาลัยเดทกันอาทิตย์ละ 3 ครั้งเป็นเงิน 1,500 บาทเดือนละไม่ต่ำกว่า 6,000 บาท (เริ่มเยอะแฮะ) และคู่รักวัยทำงานเดทกันอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เป็นเงิน 2,400 บาท เดือนละไม่ต่ำกว่า 7,200 บาท ภาพจาก Freepik.com ค่าตั๋วหนัง ค่าตั๋วหนังแต่ละโรงก็มีราคาที่แตกต่างกันไปโดยทั่วไปแล้วอยู่ที่ 120-180 บาท ถ้าหากเป็นที่นั่งพิเศษก็อาจเพิ่มขึ้นอีก 20 - 40 บาท สมมุติให้คู่รักทุกวัยดูเฉลี่ยอาทิตย์ละครั้งหรือเดือนละ 4 ครั้งนั่นเอง สำหรับคู่รักวัยเรียนอาจได้ราคาพิเศษดูเรื่องละ 100 บาทดังนั้นเท่ากับเดือนละ 400 บาทต่อคน และคู่รักวัยทำงานอยู่ที่เรื่องละ 150 บาทเดือนละ 600 บาท ของขวัญในโอกาสพิเศษ สำหรับคู่รักวัยเรียนนั้นนอกจากวันวาเลนไทน์และวันเกิดของทั้งสองคนที่ต้องซื้อของขวัญให้กันแล้วยังมีวันครบรอบ 1 เดือน 100 วัน 6 เดือน 1 ปีแล้วแต่คู่ว่าจะครบรอบกันถี่ขนาดไหน สำหรับคู่รักวัยทำงานนั้นไม่ค่อยซีเรียสเรื่องวันครบรอบสักเท่าไหร่ (เอ๊ะ หรือซีเรียส) แต่หากลืมวันเกิดหรือพลาดของขวัญวาเลนไทน์เตรียมหาข้อแก้ตัวดี ๆ ไว้ได้เลย โดยงบของขวัญของวัยเรียนนั้นปีหนึ่งไม่เกิน 2,000 บาทและวัยทำงานอยู่ที่ 5,000-20,000 บาทต่อปีจ้าภาพจาก Freepik.com ถ้าเป็นยุคก่อน 3G เข้าถึงประเทศไทยนี่ต้องมีค่าโทรศัพท์ที่ใช้โทรหากันด้วยนะ บางคนหมดเดือนหนึ่งหลายพันทีเดียวสำหรับค่าโทรศัพท์ที่ใช้โทรหาคุณแฟน โชคดีสมัยนี้มีแพคเกจเหมาจ่ายเดือนไม่กี่ร้อยที่ใคร ๆ ก็ต้องใช้แม้แต่คนโสด เอาล่ะไหนลองสรุปรวมยอด 1 ปีกันหน่อยว่าแต่ละวัยน่าจะหมดไปกับการเดทเท่าไหร่ คู่รักวัยมัธยมอยู่ที่ ((3,600+400)x12) + 2,000 = 50,000 บาท คู่รักวัยมหาวิทยาลัยอยู่ที่ ((6,000+400)x12) + 2,000 = 78,800 บาท คู่รักวัยทำงานอยู่ที่ ((7,200+600)x12) +5000, +20,000 = 98,600 บาท ถึง 100,100 บาท ทำไมกดเครื่องคิดเลขแล้วแอบเป็นยอดรวมที่น่าตกใจเหมือนกันนะ หรือว่ากดเครื่องคิดเลขผิดกั มีใครที่หมดไปกับการเดทมากหรือน้อยกว่านี้มั้ย มาแชร์กันหน่อยสิ
สำหรับคนที่กำลังจะแต่งงานคุณต้องเตรียมตัวแชร์กระเป๋าสตางค์กันในเรื่องใดบ้าง
สำหรับคนที่มีความรักสุกงอมและกำลังจะเข้าสู่พิธีแต่งงาน แน่นอนว่าเมื่อแต่งงานชีวิตคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ใครคนนั้นจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของคุณ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอีกครึ่งหนึ่งของคุณ และแน่นอนว่าต้องแชร์หลายสิ่งร่วมกัน ดังนั้นเงินจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คู่รักและคู่สามีภรรยาทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะคุยกันไม่เข้าใจ ไม่ลงตัวในเรื่องเงินทอง มาดูกันก่อนว่าหลังจากแต่งงานแล้วคุณจะต้องแชร์อะไรกันบ้างภาพจาก Freepik.com ค่าอาหารที่ทานร่วมกันที่บ้าน คุณและคู่ต้องแชร์ค่าอาหารร่วมกันอันนี้ไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่เพราะว่าก่อนแต่งงานก็ต้องผลัดกันจ่ายค่าอาหารแหรือแชร์กันมาบ้างอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อคุณมาอยู่ด้วยกันและซื้ออาหารเข้าบ้านแม้แต่เกลือหนึ่งขวดคุณก็ต้องหารกันด้วยนะ ไม่เกี่ยวว่าใครจะทานมากทานน้อย อ้อ แต่ก็แล้วแต่บางบ้านด้วยนะ เพราะบางบ้านสามีทำงานคนเดียวภรรยาอยู่ที่บ้านก็อาจจะเป็นส่วนที่สามีต้องดูแล แต่ครอบครัวยุคใหม่ส่วนมากจะทำงานด้วยกันและแชร์ค่าใข้จ่ายกันจ้า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค ก่อนมาอยู่ร่วมกันคุณไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้อีกฝ่ายแน่นอน ถึงตอนนี้คุณต้องช่วยกันแชร์ค่าน้ำ ค่าไฟ (ค่าเช่าบ้าน) ค่าส่วนกลาง ค่าอินเตอร์เน็ต แต่สำหรับคนที่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้มาก่อนแล้วก็คงขนหน้าแข้งไม่ร่วงแถมยังได้จ่ายน้อยลงด้วยก็เรียกว่าเป็นกำไรกันไปภาพจาก Freepik.com ค่าของใช้ในชีวิตประจำวัน ของที่ใช้แล้วหมดไปอย่างสบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม กระดาษชำระ ของใช้สิ้นเปลืองทั้งหลาย ต้องจ่ายร่วมกัน ห้ามปล่อยให้คุณภรรยาหรือคุณสามีต้องทำงานบ้านแล้วต้องมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้เพียงลำพังเป็นอันขาด มิฉะนั้นคุณอาจจะมีปัญหาครอบครัวได้ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกของคุณทั้งคู่ แน่นอนว่าเมื่อแต่งงานกันแล้วเกือบทุกคู่ต้องมีโซ่ทองคล้องใจเป็นบุตรชายบุตรสาวที่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่และค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ยิ่งในการเลี้ยงดูคนคนหนึ่งให้เติบโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ไม่ว่าจะเป็น ค่านม ค่าผ้าอ้อม ค่าอาหาร ค่าเล่าเรียนซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ถูก ๆ แล้วนะคุณ การซื้อสินทรัพย์ร่วมกัน คู่รักที่มั่นใจว่าจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่ามักซื้อหรือผ่อนสินทรัพย์ร่วมกันไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถ ที่ดิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณอาจไม่ได้วางแผนว่าจะซื้อก่อนจะแต่งงานก็ได้ แต่เมื่อมีครอบครัวการสร้างความมั่นคงและความสะดวกสบายให้กับครอบครัวและลูกหลานสืบไปก็เป็นเรื่องที่ถูกให้ความสำคัญด้วย บางคู่ก็เก็บออมเงินสดไว้ใช้ยามเกษียณด้วยกันในรูปแบบของเงินฝากประจำและหุ้นด้วยภาพจาก Freepik.com ค่าบำรุงรักษาสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่ซื้อหรือใช้งานร่วมกัน ค่าซ่อมรถ ค่าซ่อมแซมบ้าน ค่าปรับปรุงสวนและที่ดินรวมถึงภาษีที่ต้องเสียในแต่ละปี เป็นส่วนที่คุณทั้งคู่ต้องช่วยกันจ่ายซึ่งในแต่ละปีไม่น้อยเลยทีเดียว ที่จริงค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ใครหลายคนอาจจะต้องจ่ายแม้ยังไม่ได้แต่งงานก็เถอะ แต่ต้องยอมรับว่าหลายคู่มีปัญหาเรื่องเงินทองที่คุยกันไม่เข้าใจว่าทำไมตนต้องจ่าย หรือทำไมเธอไม่ต้องจ่าย ทางที่ดีควรตกลงกันเสียตั้งแต่เริ่มแรกว่าที่ต้องช่วยกันจ่ายมีอะไรบ้างอย่าปล่อยให้ปัญหายาวนานใหญ่โตจะดีกว่าจ้า
รวยไงใครแคร์ 4 วิธีจีบสาวแบบเปย์แรง
การจีบสาวของสายเปย์นี่รวยอย่างเดียวไม่ได้นะฮะ ต้อง.. ด้วย คือว่าต้อง “คิด” ด้วยว่าเปย์อย่างไรถึงจะถูกใจสาว ไม่ใช่ว่าเปย์สุ่มสี่สุ่มห้าแล้วเธอจะเออออมาเป็นแฟนเรา เธออาจจะรับของกำนัลที่คุณให้แล้วลอยละล่องหายไปกับสายลมก็ได้ใครจะรู้ ลองมาดู 4 การเปย์แรงเอาใจสาวที่ได้ผลทางนี้ก่อน เครื่องประดับที่แวววาวหรือนาฬิกาที่ใส่ได้ทุกวัน ถ้าหากคุณมั่นใจว่าคุณสามารถเลือกแบบเครื่องประดับที่สาวเจ้าน่าจะถูกใจได้ก็โอเค แต่หากคุณไม่มั่นใจก็ให้พนักงานเลือกให้น่าจะดีกว่า หรือสังเกตุจากเครื่องประดับที่เธอสวมใส่เป็นประจำก็ได้คุณต้องมั่นใจว่าของขวัญชิ้นนี้จะถูกใจเธอและเธอจะต้องหยิบมันมาสวมใส่บ่อย ๆ อาจเลือกเป็นสร้อยคอ ต่างหู หรือสร้อยคอมือเรียบ ๆ ที่ไม่เหมือนใครและสามารถใส่ได้กับทุกชุด การเลือกซื้อเครื่องประดับที่เธอสวมใส่อยู่เป็นประจำหรือเครื่องประดับแบรนด์ที่เธอชื่นชอบนั้นจะทำให้เธอสวมใส่เครื่องประดับชิ้นนั้นบ่อยและคิดถึงคุณทุกครั้งที่สวมมันภาพจาก Freepik.com ทานอาหารชมดาวบนภัตตาคารลอยฟ้า ใคร ๆ ก็พาสาวสวยไปทานข้าวได้แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะพาเธอไปทานข้าวบนชั้นสูงสุดของโรงแรมหรือภัตตาคาร ชักชวนเธอชมวิวยามค่ำคืนภายใต้ร้านหรูบรรยากากาศโรแมนติก คุณต้องเทคแคร์และปรนเปรอเธอด้วยเครื่องดื่มชั้นดี ที่สำคัญเมนูที่เสิร์ฟต้องเป็นเมนูที่พิเศษที่ไม่ได้จะหาทานได้ทุกวันอย่างเนื้อที่หายากและมีราคาแพงเพื่อให้เธอจดจำอาหารค่ำคืนนี้ไปอีกนานแสนนานภาพจาก Freepik.com ล่องเรือสองต่อสอง ระดับคุณแล้วไม่พาสาวไปเล่นน้ำในสระหรือริมทะเลหรอกน่า ต้องพาล่องเรือออกไปรับลมทะเลที่กลางทะเลเวิ้งว้างกันสองต่อสอง จิบแชมเปญและดื่มดำบรรยากาศเงียบสงบที่ได้ยินเพียงแค่เสียงลมและเสียงของเธอกับคุณเท่านั้น เป็นช่วงเวลาดีที่สุดที่จะทำให้เธอประทับใจในตัวคุณได้ บนเรือมีแค่เธอกับคุณแล้วและสายตาของเธอกำลังจับจ้องมาที่คุณอย่าทำพลาดล่ะ พาไปช็อปปิ้งที่ต่างแดน พาเธอไปช็อปปิ้งกระเป๋าและเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่เธอโปรดปรานไกลถึงต่างประเทศ การมาเที่ยวต่างประเทศกันสองต่อสองโดยที่มีคุณเท่านั้นที่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดทุกคำโดยที่เธอไม่ต้องพยายามและคอยดูแลเธออย่างดีระหว่างทริปท่องเที่ยว การแนะนำสถานที่เลื่องชื่อและพาเธอไปรวมถึงไปเป็นเพื่อนเธอระหว่างช็อปปิ้งจะทำให้เธอมองว่าคุณช่างพึ่งพาได้จริง ๆ และใกล้ชิดกันมากขึ้นไปอีกภาพจาก Freepik.com สาวส่วนใหญ่อาจจะชอบผู้ชายสายเปย์ แต่ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะจะบอกให้ สาวที่คุณหมายปองเองก็อาจจะเจ๋งพอจะเปย์ตัวเองได้ แต่หากเธอให้โอกาสคุณแล้วล่ะก็ อย่าดูแลเธอด้วยเงินเท่านั้นจงดูแลเธอด้วยพลังกายและความจริงใจ คุณก็จะได้ใจเธอมาครอบครองไม่ยากเย็น
ชวนสาวเดทแบบประหยัดงบที่ไหนอย่างไรดี?
เดี๋ยวนี้ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าการจะชวนสาวสักคนไปเที่ยวเพื่อจีบเธอมาเป็นแฟนหรือการชวนแฟนไปเที่ยวเพื่อเอาอกใจเธอนั้นมันมีต้นทุนที่ต้องคำนึงถึงอยู่เหมือนกัน เพราะสถานที่ที่พาเธอไปและกิจกรรมที่ไปทำก็มีค่าใช้จ่ายและเมื่อเดทสาวด้วยความถี่สูง ลองคิดคำนวณแล้วค่าใช้จ่ายก็มากไม่ใช่เล่น ดังนั้นลองมาดูกันว่าเดทกันที่ไหนถึงจะได้ใจเธอและสบายกระเป๋าอีกต่างหาก พาไปเที่ยวสวนสัตว์ ถ้าหากเธอคนนี้เป็นสาวรักสัตว์คุณมาถูกทางแล้ว เสียค่าเข้าชมสวนสัตว์เพียงคนละ 100 บาทเท่านั้น (เงินจำนวนนี้อาจซื้อกาแฟในห้างได้แค่แก้วเดียวด้วยซ้ำ) คุณและเธอจะใช้เวลาชมนกชมไม้และสิงห์สาราสัตว์ต่าง ๆ อีกไม่น้อยกว่า 2-3 ชั่วโมงแน่ ๆ อาสาเป็นช่างภาพให้เธอเพื่อที่คุณจะได้ข้ออ้างในการจ้องมองเธอ พูดคุยกับเธอเล่นมุกขำ ๆ เรื่องสัตว์ไม่ต้องหาเรื่องมาคุยอะไรให้วุ่นวายขัดเขิน อาหารที่ขายภายในสวนสัตว์ก็ราคาไม่แพงเพราะกลุ่มลูกค้าเป็นครอบครัวและเด็ก ๆ นั่นเอง ที่สำคัญไฮไลท์ก็เจ้าเรือถีบนั่นไง อาสาถีบเรือให้เธอนั่งชมวิวเป็นโอกาสใกล้ชิดและโชว์แมนที่หาไม่ได้ง่ายๆ นะแต่ต้องดูสภาพอากาศให้เป็นใจด้วยล่ะภาพจาก Freepik.com ชวนไปทำบุญ งานบุญงานกุศลใครจะปฏิเสธกันล่ะคุณ ดูเป็นการพบปะที่ขาวสะอาดและเปี่ยมไปด้วยจุดประสงค์ที่ดีงาม หากคุณชวนเธอไปทำบุญโลงศพให้อาหารปลา นอกจากได้สร้างภาพลักษณ์ในทางบวกแล้วบุญที่คุณทำร่วมกันในวันนี้อาจส่งผลให้เธอตกลงเป็นแฟนคุณในเร็ววันนี้ก็ได้ใครจะรู้ หลังจากทำบุญเสร็จแล้วก็ชวนเธอรับประทานอาหารชื่อดังใกล้วัด แต่คุณต้องหาข้อมูลมาก่อนล่ะว่าราคาไม่แพงและอร่อยไม่ต้องห่วงเธอคงกินไม่มากเพราะเธออิ่มบุญที่คุณพาเธอมาทำวันนี้แล้ว ปั่นจักรยานที่สวนสาธารณะ จูงจักรยานไปปั่นด้วยกันในวันที่อากาศดีสักวันที่สวนสาธารณะ หากคุณไม่มีจักรยานหรือไม่อยากเป็นธุระขนจักรยานไปมาก็เช่าจักรยานที่มีบริการที่สวนสาธารณะนั้น ๆ เลยราคาไม่น่าเกิน 50 บาทปั่นได้เช้าจดเย็น (ที่สวนรถไฟ 20 บาทเท่านั้น) นอกจากได้ออกกำลังกายและใช้เวลาร่วมกันแล้ว ยังได้สัมผัสอากาศสดชื่นซึ่งช่วยให้รู้สึกปลอดโปร่ง หากเธอกำลังอารมณ์ดีก็ลองขอเธอเป็นแฟนเลย อาจจะสำเร็จก็ได้ภาพจาก Freepik.com ชวนกันไปอ่านหนังสือ ชวนกันไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดหรือศูนย์หนังสือดูเป็นโมเม้นท์มุ้งมิ้งแบบเด็ก ๆ ไปหน่อยแต่จะเป็นช่วงเวลาที่คุณได้รู้จักอีกฝ่ายมากขึ้นเมื่อต้องนั่งเงียบ ๆ และต่างคนต่างจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำหากคุณค้นพบว่าคุณยังรู้สึกมีความสุขแม้ว่าไม่ต้องพูดจากันและเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จะทำให้คุณทั้งคู่รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นแบบไม่ต้องทำอะไรเลยล่ะภาพจาก Freepik.com การพาเธอไปเดทเพื่อสร้างความประทับใจนั้นบางครั้งก็ไม่ต้องใช้เงินมากมาย การทำให้เธอประทับใจในความตั้งใจและจริงใจของคุณต่างหากที่สำคัญกว่า
เกร็ดน่ารู้ คู่บ้าน
เบกกิ้งโซดา ผงทำความสะอาด สารพัดประโยชน์
สุดสัปดาห์นี้ มาทำความสะอาดบ้านให้สะอาดเอี่ยมอ่องกันมั้ยคะ เค้าว่ากันว่า บ้านสะอาด นอกจากจะทำให้สุขภาพของคนในบ้านดีแล้ว ยังส่งผลดีต่อชีวิตของเราอีกด้วย วันนี้เราก็เลยจะขอแชร์การใช้ตัวช่วยที่ชื่อว่า “เบกกิ้งโซดา” อ้ะ... ใช่แล้วล่ะค่ะ สารที่ช่วยทำให้ขนมของคุณขึ้นฟู น่ากินนั่นเอง ว่าแต่ เบกกิ้งโซดา จะช่วยคุณได้ยังไง เราลองไปดูกันค่ะ 1. พรมเหมือนใหม่ได้ใน 15 นาที ถ้าคุณกำลังนั่งเซ็งไม่รู้จะจัดการกับพรมที่เขรอะไปด้วยฝุ่นได้ยังไง ลองใช้เบกกิ้งโซดา โรยลงบนพรมแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเอาทุกสิ่งออกไปได้เลยค่ะ เท่านี้ คุณก็จะได้พรมผืนใหม่กลับมาแล้ว 2. ห้องน้ำสะอาดใส แค่ใช้เบกกิ้งโซดา แค่ผสมเบกกิ้งโซดา 1 ใน 4 ถ้วย กับน้ำยาทำความสะอาด 1 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูอีกเพียงเล็กน้อยแล้วนำไปใช้ขัดห้องน้ำ เท่านี้ก็สะอาดได้ง่าย ๆ แล้วล่ะค่ะ 3. เครื่องเรือนโลหะกลับมาสวยใส เหมือนใหม่เบกกิ้งโซดา 3 ส่วนต่อน้ำ 1 คือสูตรการทำน้ำยาขัดโลหะ เพียงแค่ใช้เช็ดๆถูๆ ไม่นานเครื่องเรือนโลหะของคุณก็จะกลับมาสวยใส แวววาวอีกครั้งแล้วค่ะ 4. ขจัดคราบมันในครัวง่ายๆ แค่ผสมเบกกิ้งโซดา บ่อยครั้งที่คุณแม่บ้านต้องปวดหัว เพราะวิธีการทำอาหารที่ใช้น้ำมันทอดนั่นโน่นนี่มักจะก่อให้เกิดคราบมันติดหนึบตามมา ปัญหานี้แก้ได้ไม่ยากเพียงแค่ใช้น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำอุ่นแล้วเช็ดที่คราบเหล่านั้น ง่ายๆแค่นี้เองล่ะค่ะ 5. ขจัดความชื้น ในห้องเก็บของ ถ้าคุณรู้สึกว่าห้องเก็บของมันอับชื้นเหลือเกิน ก็ให้นำเบกกิ้งโซดาใส่ถ้วยแล้วไปตั้งไว้ค่ะ เพราะเบกกิ้งโซดามีประสิทธิภาพในการดูดซับความชื้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าห้องเก็บหรือห้องอื่นๆในบ้านของคุณจะชื้นแค่ไหน ก็หายห่วงค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ ประโยชน์ของเบกกิ้งโซดา นอกจากจะทำให้ขนมดูฟูน่ากิน และทำความสะอาดบ้านได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจแล้ว ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลสุขภาพผิวของคุณผู้หญิงอีกด้วยล่ะค่ะ ใครสนใจลองไปหาอ่านเพิ่มดูนะคะ ส่วนใครที่สนใจซื้อเบกกิ้งโซดามาใช้ ให้ไปหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ราคาไม่แพง คุณภาพดีเวอร์ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ ที่มาภาพ www.pexels.com.
เบกกิ้งโซดา ผงทำความสะอาด สารพัดประโยชน์
สุดสัปดาห์นี้ มาทำความสะอาดบ้านให้สะอาดเอี่ยมอ่องกันมั้ยคะ เค้าว่ากันว่า บ้านสะอาด นอกจากจะทำให้สุขภาพของคนในบ้านดีแล้ว ยังส่งผลดีต่อชีวิตของเราอีกด้วย วันนี้เราก็เลยจะขอแชร์การใช้ตัวช่วยที่ชื่อว่า “เบกกิ้งโซดา” อ้ะ... ใช่แล้วล่ะค่ะ สารที่ช่วยทำให้ขนมของคุณขึ้นฟู น่ากินนั่นเอง ว่าแต่ เบกกิ้งโซดา จะช่วยคุณได้ยังไง เราลองไปดูกันค่ะ 1. พรมเหมือนใหม่ได้ใน 15 นาที ถ้าคุณกำลังนั่งเซ็งไม่รู้จะจัดการกับพรมที่เขรอะไปด้วยฝุ่นได้ยังไง ลองใช้เบกกิ้งโซดา โรยลงบนพรมแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเอาทุกสิ่งออกไปได้เลยค่ะ เท่านี้ คุณก็จะได้พรมผืนใหม่กลับมาแล้ว 2. ห้องน้ำสะอาดใส แค่ใช้เบกกิ้งโซดา แค่ผสมเบกกิ้งโซดา 1 ใน 4 ถ้วย กับน้ำยาทำความสะอาด 1 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูอีกเพียงเล็กน้อยแล้วนำไปใช้ขัดห้องน้ำ เท่านี้ก็สะอาดได้ง่าย ๆ แล้วล่ะค่ะ 3. เครื่องเรือนโลหะกลับมาสวยใส เหมือนใหม่เบกกิ้งโซดา 3 ส่วนต่อน้ำ 1 คือสูตรการทำน้ำยาขัดโลหะ เพียงแค่ใช้เช็ดๆถูๆ ไม่นานเครื่องเรือนโลหะของคุณก็จะกลับมาสวยใส แวววาวอีกครั้งแล้วค่ะ 4. ขจัดคราบมันในครัวง่ายๆ แค่ผสมเบกกิ้งโซดา บ่อยครั้งที่คุณแม่บ้านต้องปวดหัว เพราะวิธีการทำอาหารที่ใช้น้ำมันทอดนั่นโน่นนี่มักจะก่อให้เกิดคราบมันติดหนึบตามมา ปัญหานี้แก้ได้ไม่ยากเพียงแค่ใช้น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำอุ่นแล้วเช็ดที่คราบเหล่านั้น ง่ายๆแค่นี้เองล่ะค่ะ 5. ขจัดความชื้น ในห้องเก็บของ ถ้าคุณรู้สึกว่าห้องเก็บของมันอับชื้นเหลือเกิน ก็ให้นำเบกกิ้งโซดาใส่ถ้วยแล้วไปตั้งไว้ค่ะ เพราะเบกกิ้งโซดามีประสิทธิภาพในการดูดซับความชื้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าห้องเก็บหรือห้องอื่นๆในบ้านของคุณจะชื้นแค่ไหน ก็หายห่วงค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ ประโยชน์ของเบกกิ้งโซดา นอกจากจะทำให้ขนมดูฟูน่ากิน และทำความสะอาดบ้านได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจแล้ว ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลสุขภาพผิวของคุณผู้หญิงอีกด้วยล่ะค่ะ ใครสนใจลองไปหาอ่านเพิ่มดูนะคะ ส่วนใครที่สนใจซื้อเบกกิ้งโซดามาใช้ ให้ไปหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ราคาไม่แพง คุณภาพดีเวอร์ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ ที่มาภาพ www.pexels.com
มากำจัดไรฝุ่น ภายในบ้านกันเถอะ
ไรฝุ่น เป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ มีลักษณะคล้ายเห็บ แต่เนื่องจากไรฝุ่นนั้นมีขนาดเล็กมาก เราจึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไรฝุ่นมักจะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น อับชื้น และมีฝุ่นละอองสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสภาพภายในบ้านของเรา ห้องนอนนั้นถือได้ว่าเป็นห้องที่เสี่ยงต่อการสะสมตัว ฝักตัว ของไรฝุ่นมากที่สุด ไรฝุ่นพวกนี้ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายคนเราเกิดการแพ้ มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม มีตุ่มแพ้ผื่นคันตามร่างกาย ถ้าปล่อยผ่านไปในระยะเวลานาน อาจจะทำให้เรามีอาการเจ็บป่วยและทำให้การใช้ชีวิตประจำวันนั้นยุ่งยากขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว เรามาหาวิธีการกำจัดและป้องกันไรฝุ่นนี้กันดีกว่าภาพจาก www.thaihealth.or.th สิ่งที่ไรฝุ่นชอบอาศัยอยู่มากที่สุดก็คือ เตียงนอนของเรานี่ล่ะ นอกจากนั้นก็ยังรวมไปถึง หมอนผ้าห่ม ตุ๊กตา พรมปูพื้น ผ้าม่าน ฯ เป็นสิ่งที่ไรฝุ่นสามารถฝักตัวและอาศัยอยู่ได้นั่นเอง ไรฝุ่นจะสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอุ่นชื้น โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ ซึ่งวิธีที่ควรปฏิบัติมีดังนี้ 1. เปิดประตู หน้าต่าง ให้อากาศถ่ายเทอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ห้องอับชื้น ในยามเช้าอากาศกำลังบริสุทธิ์ แสงจากดวงอาทิตย์จะช่วยกำจัดไรฝุ่นเล็ก ๆ ในห้องนอนได้ ภาพจาก www.modernfs.com 2. หมั่นทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น บริเวณโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า ชั้นเก็บของ ต่าง ๆ อย่าให้มีฝุ่นจับ นำผ้าชุบน้ำเช็ดตามขอบหน้าต่าง ขอบประตู เพื่อลดการสะสมของฝุ่นละออง และควรเช็ดตามพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ ว่ามีฝุ่นเกาะจับหรือไม่ ถ้ามีให้รีบทำความสะอาดโดยเร็วภาพจาก www.thaihometown.com 3. ผ้าห่ม ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน พรมปูพื้น ผ้าม่าน ควรซักทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ไม่ควรปล่อยให้หมักหมมหรือมีกลิ่นอับ โดยเฉพาะที่นอน ถ้าสะดวกลากออกไปตากแดดจัด ๆ ได้จะดีมาก หรืออาจจะใช้บริการกำจัดไรฝุ่นบนเตียงนอนจากทางบริษัทที่เชื่อถือได้ จะสามารถช่วยกำจัดไรฝุ่นได้ดียิ่งขึ้น ภาพจาก warbandit.exteen.com 4. การซักเครื่องนอนอย่าง ผ้าห่ม ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน หรือตุ๊กตาต่าง ๆ ควรซักด้วยน้ำร้อน เพื่อฆ่าไรฝุ่นที่อาจจะเกาะอยู่ตามเส้นใยของผ้า จากนั้นนำไปผึ่งแดดให้แห้งสนิทอีกครั้งภาพจาก digitalnext.wordpress.com 5. ใช้น้ำยาถูพื้นที่มีส่วนผสมของน้ำยาฆ่าเชื้อโรคด้วยทุกครั้ง เป็นวิธีกำจัดไรฝุ่นที่อาจจะอาศัยอยู่กับฝุ่นละอองที่อยู่ตามพื้นได้ ไม่ควรใช้ไม้กวาดกวาดฝุ่นละอองนั้นโดยตรง เพราะจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปในอากาศและเกาะตามเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ รวมไปถึงอาจจะทำเกิดการแพ้ได้ ดังนั้นเวลาทำความสะอาดควรสวมหน้ากากป้องกันให้เรียบร้อย ใช้วิธีดูดฝุ่นออกก่อน จากนั้นค่อยตามด้วยการถูพื้นให้สะอาดอีกรอบ ภาพจาก www.lemonade.tv ถึงแม้ไรฝุ่นจะมีขนาดเล็กมากและยากต่อการกำจัด แต่เราก็สามารถใช้วิธีการดังกล่าวในการช่วยลดปริมาณของไรฝุ่นในห้องนอนของเราได้ นอกจากนี้การที่เรารักษาความสะอาดบ้านของเราอย่างสม่ำเสมอ ยังทำให้สมาชิกในบ้านห่างไกลจากภูมิแพ้ บ้านก็ดูน่าอยู่อาศัยและสามารถสร้างบรรยากาศที่ดีในครอบครัวได้มากขึ้นอีกด้วย.ภาพจาก siriallergyguard.blogspot.com
เทคนิคกำจัดแมลงและสัตว์กวนใจภายในบ้าน
แขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างสัตว์กวนใจประจำบ้าน เช่น มด หนู แมลงสาบ ปลวก หรือ แม้กระทั่งตัวไร คงสร้างความรำคาญใจให้คุณไม่น้อย เพราะนอกจากจะทำลายความน่าอยู่ของบ้านคุณแล้ว สัตว์เหล่านี้ยังเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาถึงคุณอีกด้วย การกำจัดสัตว์เหล่านี้ให้ออกจากบ้านไปจึงเป็นสิ่งจำเป็น วันนี้เรามีเทคนิคกำจัดแมลงและสัตว์กวนใจคุณด้วยวิธีง่ายๆให้ลองไปทำตามภาพจาก nohomebugs.com 1. กำจัด “ตัวไร” สัตว์ตัวเล็กที่กวนใจเวลาคุณหลับภาพจาก nohomebugs.com ตัวไร หรือ ตัวเหลือบ มักจะแอบซ่อนอยู่ภายใต้หมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน การกำจัดแมลงตัวเล็กนี้ทำได้ง่ายมาก เพียงคุณขยันซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม และนำไปตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค เท่านี้ตัวเหลือบ ตัวไร ก็ไม่มากวนใจคุณแล้วล่ะ 2. กำจัดแหล่งช็อปปิ้งของแมลงสาบ และ เหล่าหนูภาพจาก goingcrazywannago.com เศษอาหารหลังจากรับประทานแล้ว ควรนำไปทิ้งในถังขยะ โดยมัดปากถุงให้แน่น รวมไปถึงปิดฝาถังขยะให้แน่น ไม่ควรเปิดถุง หรือ ฝาถังขยะทิ้งไว้ เพราะกลิ่นเศษอาหารจะล่อใจทั้งแมลงสาบ และ หนูตัวโตให้เข้ามาช็อปปิ้งได้ 3. จานชามที่รับประทานเสร็จแล้ว อย่าหมักหมม ล้างทันทีภาพจาก crossroadoc.org จาน ชาม ที่กองท่วมซิงค์ล้างจานเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดีที่เหล่าแมลง มด แมลงสาบ ชอบนักล่ะ! ทางที่ดีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จควรรีบล้างทำความสะอาดให้เสร็จเรียบร้อยก่อนดีกว่า 4. พึ่งพามืออาชีพอย่าง บริษัทกำจัดแมลง ภาพจาก nohomebugs.com ปัจจุบันบริษัทกำจัดแมลงมีจำนวนมาก ให้คุณได้ใช้บริการ แต่คุณจำเป็นต้องตรวจสอบก่อนว่าบริษัทที่คุณจ้านั้นมืออาชีพจริงๆหรือไม่ เพราะคุณคงไม่อยากเจอกับเหตุการณ์ที่เสียเงินไปแล้ว แต่เหล่าสัตว์เหล่านั้นยังกลับมากวนใจคุณ 5. หยิบของธรรมชาติใกล้ตัวมาช่วยคุณภาพจาก www.jameswhiteants.com.my หากคุณไม่ชอบสารเคมีในการกำจัดแมลง การหยิบใช้ของธรรมชาติใกล้ตัวก็คงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เราจะแนะนำ ตัวมอด ต้องหลบไปเพียงคุณมี พริกแห้งหยิบพริกแห้งใส่ในผ้าขาวบางและนำไปใส่ในที่เก็บข้าวสาร เพียงเท่านี้ตัวมอดจะทนความเผ็ดของพริกไม่ไหวหนีหายไปแน่นอน ย้ายถิ่นฐานให้ มด ด้วยน้ำส้มสายชูฝนตกทีไร เจ้ามดมักจะเดินเรียงหน้ากันเข้ามาอาศัยในบ้านของคุณ เตรียมน้ำส้มสายชูใส่ขวดสเปรย์ไว้เลย และไล่ฉีดตามจุดที่มดไปอาศัยอยู่ แต่ระวังเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้าเพราะอาจจะทำให้เป็นรอยด่างได้ กำจัดแมลงสาบด้วย แตงกวาแมลงสาบไม่ชอบกลิ่นของแตงกวา ดังนั้นเรานำแตงกวามาหั่นเป็นแว่นบางๆและไปวางตามจุดต่างๆที่คุณเจอ เพียงเท่านี้แมลงสาบก็จอพยพออกไปเอง ตะไคร้ไล่ได้หมดทุกแมลงจะซื้อผลิตภัณฑ์จากตะไคร้แบบสำเร็จรูป หรือ ปลูกทั้งต้นในบริเวณบ้านก็ดี เพราะตะไคร้นี่แหละเป็นตัวช่วยในการไล่แมลงให้กับคุณ ทั้งมด ยุง หายเรียบ หัวหอมกันแมลงวันแม้ว่าหัวหอมจะชอบทำให้เราเสียน้ำตาเวลาหั่น หรือ ปลอก แต่หัวหอมก็ช่วยให้อาหารน่ารับประทานของคุณไม่มีแมลงวันเข้ามาวุ่นวาย เพียงซอยหัวหอมและนำไปแช่น้ำ นำไปวางใกล้ๆกับจานอาหารของคุณ เพียงเท่านี้อาหารมื้อโปรดของคุณจะไม่มีแมลงวันมาเกาะแกะแล้วล่ะ 6. ทำความสะอาดบ้านให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอภาพจาก www.prosuneurope.com วิธีนี้ถือเป็นวิธีสำคัญสุดเพราะถึงคุณจะทำทุกวิถีทางแล้ว แต่ถ้าบ้านยังไม่สะอาดและรก เหมาะกับการเป็นรังที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์กวนใจแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะทำวิธีไหนคงไม่ได้ผล การกำจัดแมลง หรือ สัตว์กวนใจภายในบ้านคุณ คงไม่ใช่เรื่องที่หนักเกินไปสำหรับคุณ หากคุณหมั่นขยันทำความสะอาดบ้าน ก็เหมือนเป็นการกำจัดแหล่งที่อยู่อาศัยของแมลงกวนใจพวกนี้แล้วล่ะ
มากำจัดปลวกด้วยวิธีง่าย ๆ จากสมุนไพรใกล้ตัว
หากจะพูดถึงสัตว์ที่สร้างความรำคาญให้กับสมาชิกที่อาศัยอยู่ในบ้านนั้น ก็คงมีอยู่ไม่กี่ชนิด แต่มีสัตว์บางชนิดที่นอกจากจะกวนใจแล้วยังสามารถสร้างความเสียหายให้กับบ้านทั้งหลังเลยก็ว่าได้ สัตว์ที่กำลังพูดถึงอยู่นั้นก็คือ “ปลวก” นั่นเองภาพจาก www.homedecorthai.com ศาสตร์ทางชีววิทยา ปลวกเป็นสัตว์จำพวกแมลง ที่มีขนาดเล็กจิ๋ว ชอบกัดแทะทุกอย่างที่เป็นไม้ เพราะพวกมันมีหน้าที่ในการย่อยสลายตามธรรมชาติ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าปลวกมาทำหน้าที่นี้ในบริเวณบ้านของคุณ คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ยิ่งถ้าบ้านใครที่เป็นไม้ทั้งหลังแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่าต้องประสบกับปัญหาเหล่านี้แน่นอน ส่วนบ้านใครที่ก่อสร้างด้วยปูนก็อาจจะไม่ได้โชคดีอย่างที่คิด เพราะอย่างน้อยก็จะมีบางส่วนของบ้านที่ประกอบด้วยไม้ ไม่ว่าจะเป็นบานประตู หน้าต่าง วงกบ หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์สวย ๆตู้โชว์ ตู้เสื้อผ้า โต๊ะกินข้าว ต่างก็ตกเป็นเป้านิ่งของปลวกเหล่านี้ได้เหมือนกัน ภาพจาก www.oknation.net วิธีง่ายแสนง่าย ที่จะทำให้ปลวกไม่กล้าเข้ามาทำลายบ้านอันอบอุ่นของคุณได้ มีดังนี้ภาพจาก www.xn--12ca1e0baufpj1eifrkf.net กำจัดปลวกด้วยสะเดา สะเดาเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีลักษณะเด่นของใบที่มีกลิ่นฉุน คนอีสานนิยมนับมารับประทานเป็นผักเครื่องเคียงในเมนูน้ำพริก แต่ถ้าต้องนำมากำจัดปลวกนั้น ให้นำใบสะเดา 4-5 กรัม มาโขลกให้แหลกละเอียด แล้วนำไปผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วนที่พอเหมาะ ขยำ ๆ และคั้นเอาน้ำสด ๆ ใส่ขวดหรือภาชนะต่าง ๆ จากนั้นให้สำรวจบริเวณบ้านว่า จุดไหนที่มีปลวกอาศัยอยู่บ้าง ให้นำน้ำสะเดาที่เตรียมไว้ ราดบริเวณนั้นให้ทั่ว ในกรณีที่เป็นโต๊ะ ตู้ เตียง อาจจะใช้การฉีดพ่นก็ได้ น้ำสะเดาจะช่วยกำจัดปลวก ถ้าน้ำมีปริมาณที่เข้มข้นมากพอจะทำให้ปลวกตายได้ภายใน 10 นาที กำจัดปลวกด้วยใบขี้เหล็ก หลายคนอาจจะไม่รู้จักใบของพืชชนิดนี้ แต่คนอีสานรู้จักกันดีและนิยมนำ ใบขี้เหล็กไปประกอบอาหารพื้นบ้าน ใบขี้เหล็กมีลักษณะคล้ายกับขนนกดังภาพ ภาพจาก www.t1fm104.com วิธีการนำมากำจัดปลวก นั่นก็คือ ให้นำเอาใบขี้เหล็ก 4-5 กรัม นำมาบดให้ละเอียด หรือจะใช้ปั่นผสมกับน้ำก็ได้ จากนั้นกรองเอากากออก แล้วสกัดเอาส่วนที่เป็นน้ำนั้นไปใช้ฉีดพ่นปลวกตามเสาบ้าน ตามซอกวงกบ ประตู หน้าต่าง หรือบริเวณตู้ สารเคมีในใบขี้เหล็กจะทำให้ปลวกนั้นตายและยังสามารถช่วยลดประชากรปลวกภายในบ้านให้เหลือน้อยลงอีกด้วย การใช้สมุนไพรอย่าง สะเดา และใบขี้เหล็ก นอกจากจะสามารถช่วยกำจัดปลวกได้ดีแล้ว ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อสารเคมีกำจัดปลวก ลดการตกค้างของสารเคมีภายในบ้าน ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อสุขภาวะของคนภายในบ้านอีกด้วย รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมลองเอาพืชสมุนไพรใกล้บ้าน มาทดลองใช้ดูนะคะ.ภาพจาก www.greenprotechnature.com
ฮวงจุ้ย
วิธีจัดและแต่งบ้านให้คนในบ้านรักกลมเกลียวกันตามหลักฮวงจุ้ย
ความรักความเข้าใจ และความผูกพันกันในครอบครัวนั้น นอกจากต้องส่ำสมจากการใช้เวลาร่วมกันแล้ว บรรยากาศต่าง ๆ ในบ้านก็เป็นตัวช่วย ในหลักการของฮวงจุ้ยแล้ว มีเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดบ้าน ปรับแต่งส่วนต่าง ๆ เสริมให้คนในบ้านอยู่กันด้วยความรักความผูกพัน ลดการระหองระแหงไม่ลงรอยกันได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้ ภาพจาก designlovefest 1 การปลูกต้นไม้หอมดอกไม้หอม เสริมให้คนในบ้านรักและกลมเกลียวกันมากขึ้น ด้วยการปลูกต้นไม้และดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมอันเป็นมงคล ในทางฮวงจุ้ยจะช่วยให้สมาชิกในบ้านรักใคร่กลมเกลียวไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน บ้านไหนที่สามีภรรยาชอบมีปากเสียงกัน หรือลูก ๆ พี่น้องมักทะเลาะกันบ่อย ๆ ควรจะปลูกไม้หอม ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมไว้ใกล้ ๆ กับห้องนั่งเล่น หรือห้องนอนของสามีภรรยา 2 หาภาพคู่หรือภาพความผูกพันมาติด เช่นภาพของคู่นก คู่ปลา นกสร้างรัง เป็นภาพที่ตามหลักฮวงจุ้ยจะให้พลังขอความรัก ความผูกพันได้เป็นอย่างดีภาพจาก thecaldwellproject 3 เปลี่ยนสีบ้าน โดยเฉพาะห้องนั่งเล่น ให้เป็นสีอ่อนหรือสีโนอบอุ่นและโทนเย็น เช่น สีฟ้า สีครีมไข่ไก่ สีน้ำตาลอ่อน สีชมพูอ่อน สีเหล่านี้แล้วจะช่วยทำให้เกิดความใจเย็น อารมณ์ไม่ฉุนเฉียวได้ 4 สามีภรรยาที่ไม่ถูกกันไม่รักกันเหมือนเดิม ลองสังเกตว่าเตียงที่ใช้ขอบเตียงเป็นอย่างไร ควรใช้เตียงที่ขอบเตียงมน อย่าใช้เตียงที่มีมุมขอบที่คมเป็นเหลี่ยม ในทางฮวงจุ้ยถือว่าไม่ดีไม่เป็นสิริมงคล 5 ในห้องนอนสามีภรรยาไม่ควรมีโต๊ะทำงาน ตามศาสตร์ฮวงจุ้ย ห้องทำงานและห้องนอนคู่รักควรอยู่แยกกัน ไม่ควรนำมาปนเปกัน การงานและเรื่องส่วนตัวในบ้านต้องแยกแยะ จะทำให้ชีวิตรักราบรื่นได้ 6 ชีวิตครอบครัวสดชื่น หากชีวิตครอบครัวคนในครอบครัวซังกะตาย บรรยากาศในบ้านหดหู่หรือจำเจน่าเบื่อ แก้เคล็ดทางฮวงจุ้ยด้วยการเลี้ยงปลาตู้ ในจำนวน 9 ตัว การมีพลังวนเวียนของกระแสน้ำในตู้ปลาและตัวปลาจะช่วยให้คนในบ้านกลับมาสดชื่นและรักกัน บรรยากาศในบ้านจะดีขึ้นภาพจาก Facebook: Ana Williamson Architect 7 บ้านรกจิตใจหงุดหงิดรุงรัง บ้านที่เจริญและมีความสงบสุขตามหลักฮวงจุ้ยจะต้องสะอาดและมีระเบียบ ต้องหาเวลาจัดการของที่รก ๆ อยู่ในบ้านกำลัดให้สะอาดเป็นระเบียบพลังอันเป็นมงคลและโชคลาภ ความสุขจึงจะไหลเวียนเข้ามาสู่คนในบ้าน 8 คนในบ้านขาดความเข้าใจกันและขุ่นมัว ลองสำรวจรอบ ๆ บ้านว่ามีต้นไม้ยืนต้นตาย หรือเหี่ยวเฉาหรือไม่ ให้ตัดแต่งกำจัดออก หาต้นใหม่มาปลูกแทนและดูแลให้งอกงามดีเสมอ จะเกิดพลังให้บ้านกลมเกลียวมีชีวิตชีวาและสดชื่นได้ .
วิธีจัดและแต่งบ้านให้คนในบ้านรักกลมเกลียวกันตามหลักฮวงจุ้ย
ความรักความเข้าใจ และความผูกพันกันในครอบครัวนั้น นอกจากต้องส่ำสมจากการใช้เวลาร่วมกันแล้ว บรรยากาศต่าง ๆ ในบ้านก็เป็นตัวช่วย ในหลักการของฮวงจุ้ยแล้ว มีเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดบ้าน ปรับแต่งส่วนต่าง ๆ เสริมให้คนในบ้านอยู่กันด้วยความรักความผูกพัน ลดการระหองระแหงไม่ลงรอยกันได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้ ภาพจาก designlovefest 1 การปลูกต้นไม้หอมดอกไม้หอม เสริมให้คนในบ้านรักและกลมเกลียวกันมากขึ้น ด้วยการปลูกต้นไม้และดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมอันเป็นมงคล ในทางฮวงจุ้ยจะช่วยให้สมาชิกในบ้านรักใคร่กลมเกลียวไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน บ้านไหนที่สามีภรรยาชอบมีปากเสียงกัน หรือลูก ๆ พี่น้องมักทะเลาะกันบ่อย ๆ ควรจะปลูกไม้หอม ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมไว้ใกล้ ๆ กับห้องนั่งเล่น หรือห้องนอนของสามีภรรยา 2 หาภาพคู่หรือภาพความผูกพันมาติด เช่นภาพของคู่นก คู่ปลา นกสร้างรัง เป็นภาพที่ตามหลักฮวงจุ้ยจะให้พลังขอความรัก ความผูกพันได้เป็นอย่างดีภาพจาก thecaldwellproject 3 เปลี่ยนสีบ้าน โดยเฉพาะห้องนั่งเล่น ให้เป็นสีอ่อนหรือสีโนอบอุ่นและโทนเย็น เช่น สีฟ้า สีครีมไข่ไก่ สีน้ำตาลอ่อน สีชมพูอ่อน สีเหล่านี้แล้วจะช่วยทำให้เกิดความใจเย็น อารมณ์ไม่ฉุนเฉียวได้ 4 สามีภรรยาที่ไม่ถูกกันไม่รักกันเหมือนเดิม ลองสังเกตว่าเตียงที่ใช้ขอบเตียงเป็นอย่างไร ควรใช้เตียงที่ขอบเตียงมน อย่าใช้เตียงที่มีมุมขอบที่คมเป็นเหลี่ยม ในทางฮวงจุ้ยถือว่าไม่ดีไม่เป็นสิริมงคล 5 ในห้องนอนสามีภรรยาไม่ควรมีโต๊ะทำงาน ตามศาสตร์ฮวงจุ้ย ห้องทำงานและห้องนอนคู่รักควรอยู่แยกกัน ไม่ควรนำมาปนเปกัน การงานและเรื่องส่วนตัวในบ้านต้องแยกแยะ จะทำให้ชีวิตรักราบรื่นได้ 6 ชีวิตครอบครัวสดชื่น หากชีวิตครอบครัวคนในครอบครัวซังกะตาย บรรยากาศในบ้านหดหู่หรือจำเจน่าเบื่อ แก้เคล็ดทางฮวงจุ้ยด้วยการเลี้ยงปลาตู้ ในจำนวน 9 ตัว การมีพลังวนเวียนของกระแสน้ำในตู้ปลาและตัวปลาจะช่วยให้คนในบ้านกลับมาสดชื่นและรักกัน บรรยากาศในบ้านจะดีขึ้นภาพจาก Facebook: Ana Williamson Architect 7 บ้านรกจิตใจหงุดหงิดรุงรัง บ้านที่เจริญและมีความสงบสุขตามหลักฮวงจุ้ยจะต้องสะอาดและมีระเบียบ ต้องหาเวลาจัดการของที่รก ๆ อยู่ในบ้านกำลัดให้สะอาดเป็นระเบียบพลังอันเป็นมงคลและโชคลาภ ความสุขจึงจะไหลเวียนเข้ามาสู่คนในบ้าน 8 คนในบ้านขาดความเข้าใจกันและขุ่นมัว ลองสำรวจรอบ ๆ บ้านว่ามีต้นไม้ยืนต้นตาย หรือเหี่ยวเฉาหรือไม่ ให้ตัดแต่งกำจัดออก หาต้นใหม่มาปลูกแทนและดูแลให้งอกงามดีเสมอ จะเกิดพลังให้บ้านกลมเกลียวมีชีวิตชีวาและสดชื่นได้
หาตั้งนาน! ของแต่งบ้านพวกนี้เองเหรอที่ช่วยเสริมพลังความรัก?!!
มีคู่รักมากมายที่อยู่ด้วยกันมาแบบกระทบกระทั่งกันตลอด เรียกได้ว่าสามวันดีสี่วันไข้กันเลยดีกว่า เดี๋ยวผิดใจกันเรื่องนั้น เรื่องนี้ เดี๋ยวไม่พอใจกันเรื่องนู้น สารพัดปัญหา สารพัดเหตุผลจะยกมาพูดกัน บางคู่หลังจากทะเลาะกันเสร็จก็ปรับความเข้าใจกันไป แล้วสุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี แต่ก็มีหลายคู่อยู่เหมือนกันนะที่ไม่ว่าจะพยายามยังไง สุดท้ายก็จบลงด้วยการทะเลาะกันอยู่ดี ถ้าคุณเองก็เป็นอีกหนึ่งคู่ที่เกิดปัญหาความรักจืดจางลงแบบนี้ล่ะก็ ลองไปหาของตกแต่งบ้านที่จะช่วยเสริมพลังความรักพวกนี้มาประดับประดาบ้านคุณดูสิ รับรองได้เลยว่าชีวิตคู่จากที่เคยแย่ ๆ จะดีขึ้นมาทันตาเห็นเลย 1. เทียนหอม ออมชอมรักลองไปแง้มประตูดูบ้านคนที่เค้ามีชีวิตรักที่ดีกันสิ รับรองร้อยทั้งร้อยต้องมีเทียนหอมติดบ้านกันทั้งนั้นแหละ เพราะนอกจากเทียนหอมจะช่วยให้บ้านดูสวยงาม สะดุดตาได้แล้วเนี่ย มันยังทำให้บรรยากาศในบ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นไอของความโรแมนติก จากบรรยากาศที่มาคุ เห็นแล้วรู้สึกอยากไฟ่ว์ จะกลายเป็นสนามรักให้คู่ของคุณไปในทันที 2. กุหลาบแดง แผลงศรในเมื่อไหน ๆ กุหลาบก็ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวแทนแห่งความรักอยู่แล้วหนิ แล้วมันจะดีกว่ามั้ยล่ะถ้าเราจะตื่นนอนมาทุกวันและได้เห็นเจ้าตัวแทนแห่งความรักนี้อยู่รายล้อมรอบตัวเราและคนรักตลอด ซึ่งขอบอกเลยว่านอกจากกุหลาบจะทำให้บ้านดูฟรุ้งฟริ้ง หอมหวน ชวนเสน่ห์หาแล้ว มันยังเพิ่มพลังให้ความรักของคู่คุณให้มีแต่คืนวันที่ดีอีกต่างหาก รู้แบบนี้แล้วก็รีบไปหากระถางใบใหญ่ ๆ มาจัดกุหลาบใส่กันได้เลย 3. ติดรูปคู่ ให้ประตูรักเปิด ของตกแต่งบ้านอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยเสริมพลังแห่งความรักให้กับคู่ของคุณก็คือ รูปคู่ที่เคยถ่ายด้วยกันนั่นเอง เพราะการที่มีรูปคู่มาประดับประดาอยู่เต็มบ้าน มองไปทางไหนก็เห็นหน้าของกันและกัน พร้อมด้วยกริยาท่าทางที่แสดงออกถึงความรักเนี่ย จะเป็นตัวขับเคลื่อนความทรงจำ นำให้คุณย้อนเวลากลับไปในช่วงที่มีแต่ความทรงจำดี ๆ ส่งผลให้ดอกรักที่มียิ่งผลิบานยังไงล่ะ 4. ม.ม้าคึกคัก ความรักพุ่งกระฉูดมาถึงของตกแต่งบ้านชิ้นสุดท้ายที่ช่วยเสริมความรักให้คุณและคนใกล้ตัว นั่นก็คือ ตุ๊กตาม้า หรือรูปปั้นม้านั่นเอง เนื่องจากตามหลักความเชื่อของศาสตร์จีนเนี่ย เค้าบอกว่าม้าเป็นตัวแทนช่วยเสริมในเรื่องของความโชคดี การประสบความสำเร็จ และช่วยเพิ่มพลังแห่งรักให้อีกต่างหาก ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังมองหาของตกแต่งบ้านที่จะเป็นกาวใจให้รักกันไปตลอดกาล รูปปั้นม้าหรือตุ๊กตาม้าจึงเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ไม่ควรมองข้ามไปนั่นเอง
สิ่งชำรุดในบ้านที่ต้องรีบซ่อมตามหลักฮวงจุ้ย
เมื่อบ้านที่สร้างและอยู่อาศัยมาเป็นเวลานาน ก็เป็นไปได้ว่าจะต้องถึงช่วงเวลาที่มีสิ่งต่าง ๆ ชำรุดเสียหาย แต่ด้วยความที่ยังพออยู่และไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตและอยู่อาศัยของคนในบ้านมากนัก หลาย ๆ บ้านก็อาจจะยังนิ่งดูดายไม่ซ่อม หรือรอรวบรวมเงินก้อนแล้วค่อยทำการซ่อมทีเดียวเสียทั้งหมดหลาย ๆ รายการเลย สิ่งเหล่านี้ก็นับว่าสมเหตุสมผลและพอจะทำความเข้าใจได้ แต่ในหลักการของฮวงจุ้ยแล้ว ยังมีสิ่งของหลายประการที่ไม่สามารถรอระยะเวลาให้เนิ่นนานกว่าจะซ่อมได้ เพราะอาจจะเป็นความไม่มงคล หรือขัดขวางพลังความมั่งคั่ง ความก้าวหน้า และความเจริญ ส่งผลถึงสุขภาพของคนในบ้านได้ สิ่งเหล่านั้นมีอะไรบ้างที่หากเสียหาย หัก แตก พัง แล้วเราควรจะรีบซ่อมแซมปรับปรุง และเปลี่ยนใหม่ให้เร็วที่สุด ภาพจาก sherasolution.com 1. ประตู ประตูเป็นสิ่งที่ตามหลักฮวงจุ้ยให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ทีเดียว เพราะประตูเป็นจุดเข้าออกของสรรพสิ่ง ทั้งพลังงานลมที่จะเกิดความสมดุลแห่งหยินหยางในบ้าน โชคลาภ เงินทอง ความสัมพันธ์ ทั้งประตูยังช่วยกันสิ่งร้ายต่าง ๆ โชคร้ายอันตราย และความอัปมงคล เมื่อประตูบ้านโดยเฉพาะประตูทางเข้ารั้ว หรือประตูเข้าออกตัวบ้าน ทั้ง ด้านหน้า ด้านหลัง หรือบานใดก็ตามที่เข้ามาสู่ตัวบ้าน หากมีการขำรุดเสียหายอย่ารีรอ ควรจะรีบซ่อมให้เร็วที่สุด 2. เสาคานร้าวเสาและคนนั้นตามหลักฮวงจุ้ยเปรียบเสมือนสิ่งค้ำจุนอุ้มชู เป็นความมั่นคงของบ้าน เสาคานที่กร่อนร้าว จะส่งผลให้ เกิดความคลอนแคลนขึ้นในครอบครัวและชีวิตของสมาชิกในครอบครัวขึ้นได้ ทำให้การงานไม่มั่นคง การค้าขายไม่มั่งคั่งรุ่งเรืองอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นหากมีคานหรือเสาบ้านร้าว จะเป็นการร้าวภายนอกที่ไม่เกี่ยวกับโครงสร้างหรือการร้าวที่โครงสร้างก็ตาม จะต้องรีบซ่อมแซม อาจจะเป็นการฉาบในจุดที่ร้าวก็ได้ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ภาพจาก sherasolution.com 3. หน้าต่างโหว่ หน้าต่างหลุดพังหน้าต่างบ้านเป็นตัวกรองพลังของลม และเป็นตัวปรับสมดุลหยินหยางให้กับพลังงานในบ้าน หากหน้าต่างพังการกรองกั้นและระบายลมจะผิดเพี้ยน ทำให้พลังในบ้านหมุนวนผิดเพี้ยนได้ จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องรีบซ่อมก่อน 4. หลังคารั่วหลังคาเป็นอีกจุดหนึ่งซึ่งในทางฮวงจุ้ยให้ความสำคัญ หากหลังคาเกิดมีรอยรั่วแล้วไม่ทำการแก้ไขซ่อมแซม จะทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพของคนในครอบครัวที่อยู่อาศัยในบ้านได้ 5. โคมไฟดับโคมไฟในบ้านและบริเวณต่าง ๆ ของบ้านเป็นพลังงานธาตุไฟ ให้ความโชติช่วงและให้ความรุ่งเรืองแก่บ้าน โคมไฟจึงไม่ควรเสียหรือดับ โดยเฉพาะจุดที่สำคัญต่าง ๆ ของบ้าน โคมไฟดับก็หมายถึงความเจริญก้าวหน้าของบ้านที่ลดลงด้วยเช่นกัน
ลักษณะการจัดวางโต๊ะกินข้าวที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย
โต๊ะกินข้าวสำหรับคนจีนนั้นถือว่าเป็นจุดที่มีความสำคัญมากของบ้าน เป็นสถานที่ของการดำรงชีพและปากท้อง คนจีนให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารมาก จะเห็นได้จากการทักทายของคนจีนที่ติดปาก เมื่อพบกันคำทักทายของคนจีนจะกล่าวถามว่าทานข้าวรึยัง ซึ่งต่างจากคนไทยที่จะถามว่าไปไหนมา คนจีนทักทายถามถึงปากท้องก่อน นั่นแสดงถึงความหมายสองประการคือ ความเป็นห่วงเป็นใยในปากท้องและสุขภาพ และอีกความหมายหนึ่งคือ มีเรี่ยวแรงและพร้อมจะทำงานแล้วหรือยัง นี่จึงเป็นวัฒนธรรมที่บ่งบอกความสำคัญของการรับประทาน ภาพจาก homedecorthai.com สำหรับศาสตร์ฮวงจุ้ย โต๊ะกินข้าวและตำแหน่งของโต๊ะกินข้าวก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะต้องใส่ใจ และลงรายละเอียดหาจุดที่เหมาะสมที่จะวางตำแหน่งของโต๊ะกินข้าวด้วย หากจะว่าไปแล้วช่วงเวลาของการรับประทานอาหาร ก็คือช่วงเวลาของความสุข ช่วงเวลาความห่วงใย สุขภาพ ความสัมพันธ์ และการใช้เวลาร่วมกันของครอบครัว ตำแหน่งที่เหมาะสมของโต๊ะกินข้าวจะส่งผลให้เกิดพลังในด้านดีกับครอบครัว 1 ตำแหน่งโต๊ะกินข้าวต้องมีแวดล้อมที่สะอาด เพราะจะส่งถึงพลังงานชี่ที่สะอาดไหลเวียน ทำให้ชี่ในร่างกายสะอาดไปด้วย เพราะช่วงเวลาทานข้าวคือกิจกรรมที่รับพลังสู่ร่างกาย ตำแหน่งที่ไม่ควรวางโต๊ะกินข้าวเลยคือในห้องครัว แต่หลาย ๆ บ้านไม่ทราบจึงนิยมวางโต๊ะกินข้าวไว้ในครัว ในความเป็นจริงแล้วไม่เหมาะ เพราะครัวจะเป็นสถานที่ประกอบอาหารมีความสกปรก มีน้ำ มีไฟซึ่งก็คือเตาอุ่นอาหาร ไม่สามารถทำให้พลังชี่บริสุทธิ์ได้ 2 วางให้มีตำแหน่งห่างจากห้องน้ำ และต้องไม่ได้ยินเสียงห้องน้ำ ด้วยเหตุผลเดียวกันก็คือ ห้องน้ำเป็นตำแหน่งที่มีความสกปรกของบ้าน ทำให้เกิดชี่ที่ไม่สะอาด และทำให้คนในบ้านอ่อนแอเจ็บป่วยได้ง่ายภาพจาก banidea.com วางโต๊ะกินข้าวให้ห่างจากคานบ้าน หลีกเลี่ยงที่จะวางไว้ใต้คาน เพราะจะทำให้อึดอัดและเป็นตำแหน่งกดทับ การรับประทานอาหารควรจะมีสภาพแวดล้อมปลอดโปร่งและสบายตัว ไม่ควรอยู่ในจุดที่อึดอัดเช่นใต้คานบ้าน อยู่ในมุมสงบอากาศถ่ายเทดี เพราะหากวางโต๊ะกินข้าวในมุมที่มีเสียงวุ่นวายหรือจอแจ เช่นใกล้หน้าต่างที่ติดริมถนน การรับประทานอาหารในที่ ๆ มีเสียงรบกวนมาก ๆ นั้น อาจจะทำให้จิตใจสับสน วุ่นวาย สมองคิดเรื่องต่าง ๆ ทำให้เครียดไม่ผ่อนคลาย มีผลต่อร่างกายระบบย่อยอาหาร ทำให้อาหารที่รับประทานย่อยยากได้ ตำแหน่งของโต๊ะกินข้าวหากเลือกจัดวางให้เหมาะก็จะมีผลดีต่อสุขภาพและความสุขของสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้