ธอส.รับลูกรัฐบาลเตรียมวงเงินกว่าหมื่นล้านบาทปล่อยกู้โครงการบ้านผู้มีรายได้น้อย ราคา 2.5-3 แสนบาทต่อยูนิตอัตราดอกเบี้ยพิเศษไม่เกิน 3% พร้อมจับมือ 15 สมาคม/ชมรม อสังหาฯ ปล่อยกู้ดอกเบี้ยพิเศษ 200โครงการ มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.พร้อมปล่อยสินเชื่อให้แก่โครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อยตามแนวคิดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะออกมาในเร็วๆ นี้
สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย เบื้องต้นจะเป็นความร่วมมือของหน่วยงานรัฐได้แก่ กรมธนารักษ์ การเคหะแห่งชาติ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยกรมธนารักษ์จะเป็นผู้เลือกที่ดินแปลงที่มีศักยภาพที่มีอยู่ทั่วประเทศ ให้การเคหะแห่งชาติจะเป็นผู้พัฒนาบ้าน ระดับราคา 2.5-3 แสนบาทต่อหลัง เนื่องจากเป็นที่ดินเช่าระยะยาว 30 ปี
โดย ธอส.จะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในอัตราพิเศษ ตามต้นทุนการเงินจริงของ ธอส. โดยจะไม่เกิน 3% ต่อปี ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยปกติของ ธอส.เฉลี่ย 3 ปีที่ 3.43% ต่อปี
"ธอส. พร้อมปล่อยสินเชื่อตามนโยบายของรัฐบาล โดยขณะนี้รอทางกรมธนารักษ์ร่วมกับการเคหะฯออกแบบบ้านให้แล้วเสร็จ ส่วนจะเป็นบ้านประเภทใดนั้นยังไม่ทราบ" นายฉัตรชัยกล่าว
รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) หรือ QH รัฐบาลควรนำที่ดินแปลงใหญ่ของกรมธนารักษ์ที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้ามาพัฒนาบ้านเพื่อผู้มีรายได้น้อย โดยหนึ่งใน แปลงที่มีศักยภาพคือ ย่านเทพารักษ์ จำนวน 1,400 ไร่ ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง- สมุทรปราการ) ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นเมืองให้ผู้มีรายได้น้อยเช่าอยู่ พร้อมกับจัดหาบัตรรถไฟฟ้าในราคาค่าโดยสารที่ไม่สูงเกินกำลังของผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากปัจจุบันคนกลุ่มดังกล่าวถูกผลักให้อยู่นอกเมืองและอาจจะเกิดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูงขึ้น เพราะระบบรถไฟฟ้ามีผู้ให้บริการหลายราย
ธอส.จับมือ 15 สมาคม/ชม ปล่อยกู้ผู้ซื้อบ้าน
นายฉัตรชัยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ธอส.ได้ร่วมกับ 15 สมาคม/ชมรมผู้ประกอบ การอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด จัดทำ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้านจากโครงการของสมาชิกทั้ง 15 สมาคม/ชมรมดังกล่าว จำนวน 200 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท
สำหรับสินเชื่อที่ ธอส.จะปล่อยนั้นจะเป็นลักษณะผ่อนปรน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น รวมถึงการให้วงเงินกู้เพียงพอต่อการซื้อบ้าน แต่ยังคงอยู่ในกรอบของการพิจารณาสินเชื่อที่ไม่เกิดความเสี่ยง ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะต่ำกว่า อัตราดอกเบี้ยปกติของธนาคาร ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 3.4% ซึ่งธนาคารตั้งเป้าปล่อนสินเชื่อ 70% ของมูลค่าโครงการ 30,000 ล้านบาท เริ่มโครงการในวันที่ 1 ก.ค.นี้
สิทธิพิเศษที่ลูกค้าจะได้รับ แบ่งเป็น 5 มาตรการหลัก ได้แก่ 1.สมาชิก ของสมาคมจะจัดส่งโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยมาเข้าโครงการพิเศษของ ธอส.อาทิ โครงการประเภทฟาสต์แทร็กต์ สมาร์ท ฟาสต์แทรกต์ เป็นต้น ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการประเมินราคา เนื่องจากธนาคารกำหนดราคารับเป็นหลักประกันของที่อยู่อาศัยในโครงการล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อได้เช่นกัน
2.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งลูกค้าภายใต้โครงการประเภท ฟาสต์แทร็กต์ ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงให้แก่ธนาคารเพื่อพิจารณาสินเชื่อเบื้องต้น หรือ พรีแอฟพรูฟ และยื่นกู้จริงไม่น้อยกว่า 70% ของจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมดในแต่ละโครงการ
3.ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ทำการ พรีแอฟพรูฟ ก่อนที่โครงการจะตัดสินใจขายให้แก่ลูกค้า
4.ธนาคารจะจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ให้แก่ลูกค้าในโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยด้วยเงื่อนไขพิเศษตามที่ธนาคารกำหนด และ 5.ธนาคารจะอำนวยความสะดวกให้บริการลูกค้านอกสถานที่ ตามที่ธนาคารและสมาชิกของสมาคมได้ตกลงกัน
"โครงการนี้มีความสำคัญในเรื่องของการพรี แอฟพรูฟ เพราะที่ผ่านมา การปฏิเสธสินเชื่อ มักมาจากการไม่ได้ตรวจสอบก่อน แต่จากนี้ธนาคารจะลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบเองเลย ซึ่งมั่นใจว่า หลังการตรวจผ่านแล้วจะซื้อบ้านได้จริงถึง 80-90% โดยโครงการดังกล่าว มองว่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยในช่วงครึ่งปีแรกธอส.ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 40% ของวงเงินกู้ทั้งหมด 178,224 ล้านบาท"
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา