1. รู้ขนาดของพื้นที่ในบ้าน การวัดขนาดให้พอดีเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความกว้าง ยาว ของห้อง หรือความต้องการความกว้าง สูง และยาวของเฟอร์นิเจอร์ ช่วยให้เจ้าของบ้านทราบว่าเราควรจะจัดวางอะไรในพื้นนั้น และมีความสวยงามหรือไม่

 

2. รู้จักตัวเอง คุณต้องรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่คุณชอบที่สุด เลือกในสิ่งที่ใกล้เคียงกับสไตล์และการใช้ชีวิตประจำวัน และต้องรู้ด้วยว่าพื้นที่นั้นคุณต้องการให้เป็นอะไร อย่างห้องนี้เป็นห้องพระ ห้องนอนเด็ก หรือห้องรับแขก แบบนี้จะช่วยให้คุณมีไอเดียคร่าวๆ ได้ว่าคุณอยากตกแต่งห้องๆ นั้นให้เป็นสไตล์ไหน

 

3. รู้เรื่องสี การใช้สีของห้องไม่ว่าจะเป็นสีทาผนัง วอลเปเปอร์ หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ การที่คุณรู้ว่าสีอะไรเข้ากับสีไหน หรือไม่ควรใช้สีไหนมาร่วมนั่นเป็นการดี เพราะนอกจากจะทำให้ห้อง หรือพื้นที่ดูเด่นแล้วยังช่วยให้แสดงถึงรสนิยมของคุณได้มากทีเดียวแหล่ะ

 

4. รู้เรื่องอุปกรณ์ แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้เสียของไปเปล่าๆ ซื้อมาแล้วใช้งานไม่ได้ คุณต้องรู้ว่าอุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่งที่คุณซื้อมานั้นเหมาะสำหรับการใชังานในส่วนนั้นหรือไม่ ติดตั้งได้หรือไม่ อย่างเช่นอุปกรณ์ดูดอากาศสำหรับห้องครัว คุณต้องรู้ว่าห้องครัวของคุณสามารถติดตั้งได้ในแบบใด ในจุดที่ต้องการติดนั้นรองรับอุปกรณ์ชิ้นนี้หรือไม่ เพราะหากคุณไม่รู้อะไรเลย ซื้อมาก็เปล่าประโยชน์เช่นเดียวกัน

 

5. รู้จักช่าง อย่างน้อยคุณต้องมีคอนเนคชั่นบ้างแล้วล่ะไม่ว่าจะเป็นช่างปูน ช่างไม้ ช่างไฟ ช่างกระเบื้อง หรือผู้ที่มีความชำนาญในด้านนี้ แต่หากไม่มีจริงๆ ลองถามเพื่อน หรือผู้ที่เคยใช้บริการเพื่อขอรับคำแนะนำ เพราะการจะเลือกช่างมาตกแต่งบ้านให้คุณแน่นอนว่าต้องเป็นคนที่มีฝีมือ มีความชำนาญในระดับหนึ่งเลยล่ะ และหากคุณไม่เคยใช้บริการเลยจะเสี่ยงให้เขามาทำงานในบ้านที่รักของคุณเลยก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ เพราะฉะนั้น การบอกต่อของช่างที่รู้จักเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

 

เพราะบ้านเป็นที่พักผ่อน เป็นทุกสิ่งที่คุณจะต้องอาศัยอยู่ในทุกวันเป็นระยะเวลานาน การตกแต่งบ้านแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก การจะทำอะไรหากมีความรอบคอบแล้วล่ะก็ เราเชื่อว่าทั้งหมดคุณจะไม่เสียเวลาและเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน